รีวิว มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบมีที่ไหนกัน ซี่รีส์ It’s Okay to Not be Okay
ซีรีย์ที่เรียกน้ำตาความปลาบปลึ้มได้อย่างล้นหลามจนหลายๆคนต้องประทับใจกับเรื่องราวบทนี้ ซึ่งกล่าวได้ว่า ใครจะอดทนได้อย่างตัวละครในเรื่องนี้แล้วในโลกใบนี้ ดูไปก็เหนื่อยไป เป็นมนุษย์ที่เรียกได้ว่าเกือบจะสมบูรณ์แบบในที่หาได้ของสมัยนี้ แต่ก็ชื่นชมกับการก้าวผ่านทุกเรื่องราวของทุกตัวละคร ซึ่งแต่ละตัวละครล้วนมีปมในใจกันทั้งนั้น โดยถ่ายทอดออกมาจากรูปแบบการแสดงตัวตนที่แตกต่างกันไป เรื่องราวจะเป็นอย่างไร เข้มข้นขนาดไหนนั้น มาติดตามชมกันเลยครับ
It’s Okay to Not Be Okay : เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน
แนว : โรแมนติก | แฟนตาซี
ผู้กำกับ : พัคชินอู
บทสร้างโดย : โจยอง
จำนวนตอน : 16 ตอน
นักแสดงสมทบ
คิมจูฮัน (อีซองอิน)
พัคจูจิน (ยูซึงแจ)
คิมจางวาน (โอจีวัง)
คิมมีคยอง (คังซุนด็อก)
จางยองนัม (โดฮีแจ)
อีอึล (โกแดฮวาน)
ช่องทางรับชม : NETFLIX / ดูหนังออนไลน์
ซีรีส์จากประเทศเกาหลีเรื่องนี้ สร้างโดย Studio Dragon ความมาแรงแซงท้างโค้งซึ่งการันตีได้เลยว่า It’s okay to not be okay คงจะมีกระแสคนติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะซีรี่ส์เรื่องนี้ทั้งสนุกทั้งแปลก ด้วยตัวเรื่องที่เปิดมาด้วยฉากอนิเมชั่นนิทานสุดจิตป่วยแต่ภาพสวยไม่ไหวใครนึกไม่ออกให้นึกถึง อนิเมชั่นเรื่องเจ้าสาวศพสวย อารมณ์เดียวกันเลย แต่มีการผูกปมเยอะไปหมด ทำให้เราต้องคอยติดตามตอนนอนไม่หลับ และขอบอกเลยว่าเป็นเรื่องแรกที่เปิดปุ๊ปได้แต่พูดว่า นางเอกสวยเกินไปไหม คือทั้งลึกลับ มืดมน จิต ๆ แบบเหมือนถอดคาแรคเตอร์มาจากอนิเมชั่นที่ตัวเองวาดเลย
เรื่องนี้สิ่งที่ทำได้ดีเยี่ยมคือการหยิบยกประเด็นสุขภาพจิตมานำเสนอไปพร้อมกับการสอดแทรกวิธีการเยียวยากันและกันของตัวละครในเรื่อง ผ่านนิทานในแต่ละตอนและคำพูดที่เปี่ยมไปด้วยพลังบวก และข้อคิด ทุกรายละเอียดในเรื่องถูกสรรสร้างออกมาอย่างบรรจงและประณีตได้อย่างไร้ที่ติ สร้างความอบอุ่นในหัวใจเราได้อย่างประหลาด ซีรีส์เรื่องนี้เหมือนพาเราท่องเข้าไปในโลกของนิทานที่ตัวเอกของเรื่องล้วนไม่สมบูรณ์แบบ ไม่ได้มีเพียงผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชรื่นรมย์เท่านั้นที่ต้องการการเยียวยา คนธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้ใช้ชีวิตในโรงพยาบาลอย่าง มุนคังแท ผู้ดูแลในโรงพยาบาลที่ต้องดูแลพี่ชาย มุนซังแท ที่เป็นออทิสติก และ โกมุนยอง นักเขียนวรรณกรรมเด็กผู้โด่งดังและเพรียบพร้อมที่เต็มไปด้วยปมในวัยเด็ก ก็ต่างต้องการการเยียวยาด้วยเช่นกัน
ในซีรีส์สามารถเล่าประเด็นที่หนักหน่วงนี้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบและนุ่มลึกทำให้เราเห็นว่าปัญหาสุขภาพจิตมันไม่ได้ไกลตัวเรา คนทั่วไปในสังคม รวมไปถึง คนใกล้ตัวเรา ที่เรามักจะมองข้ามเพียงเพราะเห็นว่าพวกเขาโอเคดีแต่ความเป็นจริงแล้วภายในที่เขาไม่ได้แสดงออกให้เราเห็นอาจจะไม่ได้โอเค และส่งเสียงเรียกร้องให้เราช่วยผ่านท่าทีที่ปกตินั้นก็เป็นได้
เรื่องย่อ ซีรี่ส์เรื่อง It’s Okay to Not Be Okay เล่าเรื่องของสองตัวหลักคู่พี่น้อง อย่างมุนคังแท (คิมซูฮยอน) และมุนซังแท (โอจองเซ) ในทุกฤดูใบไม้ผลิ 2 พี่น้องจะต้องย้ายถิ่นฐาน มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองใหม่ พวกเขาเข้าใจวังวนนี้ดีเพราะพวกเขาทำมานานมากแล้ว เรื่องราวนี้เริ่มมาจากการสูญเสียผู้เป็นแม่ไปเมื่อวัยเด็ก มุนคังแทจึงต้องทำงานเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวช แต่ด้วยภาระงานที่เขาต้องดูแลพี่ชายที่เป็นออทิสติก เขาจึงจำเป็นต้องหางานเป็นผู้ดูแลในโรงพยาบาลแห่งใหม่ทุก ๆ 10 เดือน หรือตอนช่วงฤดูใบไม้ผลินั่นเอง
สุดท้ายเขาก็ได้ย้ายไปที่โรงพยาบาลจิตเวชแห่งหนึ่งในเมืองซองจิน เมืองที่พวกเขาจำเป็นต้องจากไปเมื่อตอนยังเป็นเด็กและเป็นสถานที่ที่แม่ของพวกเขาถูกฆาตกรรมอีกด้วย ก่อนที่พวกเขาจะก้าวไปสู่ที่นั่น มุนคังแทได้พบกับนักเขียนนิทานเด็กชื่อดัง โกมุนยอง (หรือซอเยจีนางเอกคนสวยของเรานั่นเอง) ด้วยความผิดปกติทางบุคลิกภาพของเธอ โกมุนยองดันไปถูกชะตาแบบลุ่มหลงเกิดความชื่นชอบถึงขั้นหมกมุ่นกับคังแท และยอมทิ้งชีวิตคนดังในโซลเพื่อมาตั้งรกรากในเมืองซองจินเพื่อให้ได้อยู่ใกล้กับเขา แต่ทั้งมุนคังแท มุนซังแทและโกมุนยอง ต่างไม่รู้ว่าเขามีอดีตที่เจ็บปวดร่วมกัน ที่เป็นปมเชื่อมโยงเรื่องราวของทั้งสามคน
รีวิว มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบมีที่ไหนกัน เนื้อหาต่อจากนี้จะมีการสปอยเนื้อเรื่อง
ในแต่ละพาร์ทของซีรี่ส์จะมีนิทานสอดแทรก เรามาทำความเข้ามใจกับนิทานนี้คล่าวๆกันครับ
นิทานภายในเรื่องถือได้ว่าเป็นจุดเด่นหลัก และสร้างความน่าตื่นเต้นให้กับคนดูได้เป็นอย่างมาก เพราะยังไม่เคยมีซีรีส์เรื่องไหนหยิบยกนิทานเข้ามาเป็นแก่นเรื่องหลักในการเล่าเรื่องเลย แถมภายในเรื่องยังมีนิทานที่ถูกแต่งขึ้นมาใหม่เพื่อให้เข้ากับบริบทในแต่ละตอน มันทำให้เราได้เพลินไปกับการตามเนื้อเรื่อง คาดเดาชื่อตอน และคาดเดาว่าในตอนนั้นๆนิทานเรื่องไหนจะถูกหยิบยกขึ้นมา นิทานทั้ง 16 ตอนไม่ได้ถูกปล่อยให้จมหายไปเมื่อผ่านตอนของตัวเอง แต่มันถูกจับกลับมาบอกเล่าเนื้อเรื่องของตอนอื่นๆ ถูกจับมาเป็นคำใบ้และถูกจับมาเป็นตัวบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวละคร ได้อย่างลงตัวและสวยงาม มันแสดงให้เห็นว่ามันไม่ใช่เป็นการหยิบเอานิทานมาเสริมให้ดูน่าสนใจเฉยๆ แต่เป็นการเอานิทานเป็นตัวหลักในการดำเนินเนื้อเรื่องให้เรื่องราวสามารถดำเนินไปจนถึงตอนจบ ดั่งเช่นเรื่องนี้
เรื่องของเด็กหญิงและเด็กชาย
เป็นปกติธรมดาของซีรีส์แต่ละเรื่องที่จำเป็นต้องปูพื้นตัวละครให้คนดูเข้าใจที่มาที่ไปซะก่อน แต่เรื่องนี้เลือกที่จะปูเรื่องที่มีความแตกต่าง ด้วยเทคนิคอย่างการนำ stop motion มาใช้ในการเล่าเรื่อง ที่ดึงดูดความสนใจและเผยความดาร์กออกมาได้อย่างสวยงาม ที่ถึงจะไม่ได้บอกออกมาตรง ๆ แต่ก็ทำให้เราเข้าใจได้ว่า สองคนนี้เคยมีอดีตที่เกี่ยวข้องกันมาก่อน ถึงแม้จะเป็นการสปอย
เด็กสาวที่โกรธทุกคนบนโลกใบนี้เพราะมองว่าเธอคือตัวประหลาด โดดเดี่ยวและไร้เพื่อน วันหนึ่งเด็กหญิงช่วยชีวิตเด็กชายโดยบังเอิญ เด็กชายหน้าตาอ่อนโยนก็เดินตามเด็กหญิงไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งก็พบว่า เธอนั้นช่างน่ากลัวจริง ๆ
เด็กหญิงถามเด็กชายว่า เธอจะอยู่ข้างฉันไปตลอดใช่ไหม เด็กชายตอบว่า แน่นอนสิ จากนั้นเด็กหญิงก็จับผีเสื้อมาฉีกเล่นต่อหน้าต่อตา หนุ่มน้อยแต๋วแตกวิ่งหายลับไปในทุ่งดอกไม้หลากสี แล้วภาพก็ตัดมาที่นางเอกตัวจริงยืนนิ่งอยู่บนปราสาท อารมณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมุมกล้อง เฟรมภาพ แสงสีครอบคลุมไปถึงเครื่องแต่งกายสไตล์โกธิคที่ โกมุนยอง สวมใส่ บ่งบอกความเป็นตัวตนของนางเอกอย่างชัดเจน ซึ่งต้องชมในจุดนี้มากๆครับที่ใส่ใจรายละเอียด ถึงแม้จะเป็นการสปอย แต่ก็สามารถดึงอิมแพคจากความสนใจของผู้ชมได้อย่างเหลือเชื่อ
หรืออีกเรื่องหนึ่งคือ เด็กน้อยซอมบี้
เล่าถึงเรื่องราวของเด็กชายที่มีรูปร่างลักษณะแตกต่างจากเด็กทั่วไป เมื่อโตขึ้นแม่ของเขาก็สังเกตุได้ว่าลูกชายของเขาเป็นแค่ซอมบี้ที่ต้องการเพียงอาหารประทังชีวิตเท่านั้น เธอจึงเลี้ยงเขาอย่างยากลำบากและหลบๆซ่อนๆมาตลอดจนกระทั่งโรคร้ายมาเยือนเธอจึงยอมเอาตัวเองเป็นอาหารมื้อสุดท้ายให้แก่ลูกชายของเธอ แต่ในมื้อสุดท้ายที่เธอยอมสละร่างกายของตัวเองนั้น ลูกน้อยที่เธอคิดว่าเป็นซอมบี้ผู้หิวโหยมาตลอดก็โผกอดเธอที่เหลือแต่ลำตัว แล้วพูดออกมาเป็นครั้งแรกว่า “แม่ช่างอบอุ่นเหลือเกิน”
นิทานเรื่องนี้เป็นนิทานที่อธิบายเบื้องหลังครอบครัวของตัวละครหลักอย่าง โกมุนยอง และมุนคังแทได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะพวกเขาทั้ง 2 ต่างก็ถูกมองว่าเป็นเพียงซอมบี้ที่ไร้ความรู้สึกแต่ความจริงแล้วพวกเขากลับโหยหาสิ่งที่เรียกว่า ความรัก ความใส่ใจ และความอบอุ่น มากกว่าอาหารที่ทำให้อิ่มท้องเสียอีก
เหตุผลที่คุณควรดูซีรี่ส์เรื่องนี้ อย่าคิดนานครับรีบกดดูเลย ไม่ผิดหวังแน่นอน
เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่ใช้ฮิลลิ่งจิตใจ สะท้อนมุมมองใหม่ และสร้างพลังใจอย่างน่าเหลือเชื่อให้กับคนดูอย่างแท้จริง เริ่มต้นเรื่องได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ และปิดฉากลงอย่างงดงาม เพราะในโลกแห่งนี้ ไม่มีมนุษย์คนใดสมบูรณ์แบบ เราทุกคนต่างมีความเจ็บปวดที่มองไม่เห็นกันทั้งนั้น หากเราเข้าใจกันและกันในมุมนี้ มันจะทำให้สังคมของเราน่าอยู่มาก ดังคำที่กล่าวว่า เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน
นักแสดง
เป็นเรื่องที่นักแสดงถูกแคสมาได้อย่างลงตัวราวกับตัวบทสร้างมาเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะนักแสดงหลักหรือนักแสดงสมทบที่ออกมาไม่กี่ฉากก็ล้วนสร้างความประทับใจให้กับเราได้ทุกตัวละคร
องค์ประกอบของภาพ
งานภาพ งานแสง งานสี ทำได้สุดยอดไร้ที่ติเรื่องนี้ทำได้ดีเกินคาด ไม่ผิดหวัง ทุกอย่างลงตัว งดงามราวกับกำลังดูนิทานเรื่องยาวเรื่องนึงเลยทีเดียว ทุกครั้งเมื่อมีนิทานที่ถูกแต่งขึ้นมาใหม่ ตัวการ์ตูนที่ถูกวาดโดยใหม่ ก็ได้เข้ามาเสริมทัพความน่าสนใจของตัวนิทานภายในเรื่องให้เพิ่มมากขึ้นไปอีกเป็นทวีคูณ นอกจากงานภาพแล้วงานสีก็สวยละมุนในทุกโทน หากเป็นโทนสีอุ่นก็ทำออกมาได้อบอุ่น สดใส เบิกบาน มักจะเห็นได้ในฉากที่ตัวละครมีความสุข เช่น ฉากปราสาทบ้านของมุนยองในตอนหลังๆที่ 2 พี่น้องมุนเข้าไปอยู่แล้ว จากปราสาทที่คุมโทนไปด้วยโทนสีเย็น ที่ให้ความรู้สึกหม่นหมองน่ากลัว ก็กลับกลายเป็นปราสาทที่มีชีวิตชีวาและน่าอยู่มากขึ้น เป็นอะไรที่สมูทและกล่อมกล่อมมากครับ
เคมีของตัวละครน่าสนใจมาก
ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาระหว่างมุนคังแทและโกมุนยองเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก โกมุนยองป่วยเป็นโรคต่อต้านสังคมและมุนคังแทที่ต้องคอยละแวดระวังเนื่องจากเป็นหมอรักษาผู้ป่วยจิตเวช ตลอดชีวิตของโกมุนยองเธอต้องต่อสู้กับปีศาจในใจของตัวเอง ส่วนมุนคังแท ก็รู้ทั้งรู้อยู่เต็มอกว่าถ้าไม่รักษาระยะห่างนี้ไว้มันจะอันตรายขนาดไหน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะอดไม่ได้ที่จะถูกดึงกลับเข้าสู่วงโคจรในชีวิตของมุนยอง โดยเฉพาะกับอดีตที่เคยมีร่วมกันของพวกเขา มุนยองมักจะประมาทและขาดการยั้งคิด ในขณะที่มุนคังแทจะช่วยควบคุมตัวของเธอและเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขารวมตัวกันก็เหมือนกับว่าพวกเขาช่วยสร้างสมดุลให้กันและกัน มันเป็นไดนามิกที่น่าดึงดูดซึ่งไม่ทำให้ผู้ชมหลุดจากพล็อตเรื่องที่วางไว้ และประทับใจอิ่มเอิ่มไปกับมัน
และสุดท้ายสิ่งที่สำคัญมากคือซีรี่ส์เรื่องนี้แฝงอะไรไว้มากกว่าที่เห็น
นอกเหนือจากความโรแมนติกและเนื้อเรื่องแล้วสิ่งที่อาจสำคัญที่สุดเกี่ยวกับ It’s Okay to Not Be Okay คือการพยายามเสริมสร้างความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพจิต มีซีรีส์เกาหลีไม่มากนักที่พยายามแสดงให้เห็นถึงความเจ็บป่วยทางจิตและความผิดปกติ เช่น ออทิสติก โรคบุคลิกภาพต่อต้านสังคมและภาวะสมองเสื่อม
It’s Okay to Not Be Okay แสดงภาพที่ชัดเจนว่าการประสบกับความผิดปกติเหล่านี้เป็นอย่างไร ตัวอย่างทุกตัวจะสมบูรณ์แบบเมื่อหลับและจะกลายเป็นอีกคนเมื่อถูกสิ่งรบกวนจิตใจครอบงำ ในบางฉากเราจะเห็นอาการที่มุนยองเป็นก็คือการเป็นอัมพาตจากการนอนหลับ ในระหว่างที่เป็นอาการนั้นเธอจะรู้สึกหมดหนทาง ทำอะไรไม่ถูก ไม่สามารถเคลื่อนไหวและวิ่งหนีจากสิ่งชั่วร้ายในความคิดของเธอได้ ถือว่าเรื่องนี้ทำการบ้านได้ดีเพราะแสดงให้เห็นถึงความจริงของคนที่ป่วยเป็นโรคนี้
ซึ่งหากคุณเป็นโรคซึมเศร้าและอ่อนไหวง่าย อารมณ์และสภาพจิตใจของคุณอาจจะไม่พร้อมที่จะเผชิญกับความบอบช้ำส่วนตัวที่กลับมาอีกครั้งในขณะที่ดูบางฉาก มันอาจจะทำให้คุณเจ็บปวดและจมอยู่ในบ่อน้ำตา หากตัวคุณอยู่ในสภาพที่เปราะบาง คุณจะต้องเตรียมความพร้อมทางอารมณ์และจิตใจก่อนดูซีรีส์ในแต่ละตอน แต่หากคุณได้ดูคุณจะรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ และยังมีคนที่ เศร้าเหมือนกับคุณ และพร้อมจะแบกรับทุกอย่างไปกับคุณ
เมื่อร่างกายเจ็บปวดความซื่อตรงของมันจะส่งผลให้น้ำตาจะไหล แต่หากจิตใจเจ็บปวด เรามักจะเก็บมันเอาไว้จนบ่อนทำลายตัวเองจากการไม่ยอมพูดมันออกมา ทุกความทรงจำที่เลวร้ายล้วนเป็นบทเรียนชั้นดีที่จะพาเราก้าวไปอีกขั้นของการเป็นมนุษย์ที่แสนจะซับซ้อนและยากลำบาก จงเรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเอง และจงอย่าหนีปัญหา จงเผชิญหน้ากับมันอย่างกล้าหาญ แล้วความสุขจะเป็นของคุณ
หากชอบบทความนี้ สามารถติดตามรีวิวหนัง สปอยหนัง เรื่องอื่นๆได้ที่ สปอยหนังดี