รีวิว Night Teeth
วันนี้ผมจะมารีวิวหนังออนไลน์ เรื่องใหม่เกี่ยวกับแวมไพร์ในยุคปัจจุบันที่มีเนื้อเรื่องเข้มข้น นักแสดงก็เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพดูแล้วสบายตา จากค่าย Netflix กับ Night Teeth เขี้ยวราตรี
Night Teeth ภาพยนต์จาก Netflix ที่ว่าด้วยเรื่องราวของโลกกลางคืนใน L.A. ที่ถูกปกครองโดยเหล่าผีดูดเลือด แต่เด็กหนุ่มเบนนี่ กลับต้องก้าวขาเข้าไปสู่โลกแสนอันตรายนี้อย่างไม่รู้ตัว เขาต้องหาทางเอาตัวรอดท่ามกลางสงครามระหว่างเผ่าพันธ์ที่กำลังปะทุขึ้นให้ได้ สามารถรับชมง่ายๆผ่านทาง ดูหนัง
ชื่อเรื่อง : Night Teeth เขี้ยวราตรี
ปีที่ออนแอร์ : 2021
ประเภท : โรแมนติก วัยรุ่น ระทึกขวัญ แอ็คชั่น
ทีมผู้สร้าง : อดัม แรนดัลล์ (ผู้กำกับ), เบรนด์ ดิลลอน (ผู้เขียนบท), อีเบน โบลเตอร์ (ผู้กำกับภาพ)
นักแสดงนำ : ฮอร์เฮ เลนเดบอร์ก จูเนียร์, เด็บบี้ ไรอัน, ลูซี่ ฟราย
ระยะเวลาการรับชม : 1 ชั่วโมง 48 นาที
ช่องทางการรับชม : Netflix / ดูหนังออนไลน์
ถ้าหากว่าคุณดูตัวอย่างแล้ว เห็นว่ามีหลายฉากน่าสนใจ ทั้งแสงสีในยามกลางคืน สองสาวแวมไพร์สุดแซ่บ พระเอกหนุ่มหัวฟูหน้ามึน กับฉากแอคชั่นทริลเลอร์ที่ดู “เหมือนจะ” เลือดสาด บอกเลยว่าฉากพวกนี้ก็เกือบจะเป็นทั้งหมดของหนังได้เลย
หนึ่งในพล็อตเรื่องที่ฮอลลิวูดมักจะใช้หากินได้อยู่เรื่อยๆ เสมอต้นเสมอปลายก็คงจะหนีไม่พ้น เหล่าแวมไพร์ผีดูดเลือด ที่สามารถหยิบเอาอัตลักษณ์ของคาแรกเตอร์นี้มาจับวางใส่ในองค์ประกอบและสถานการณ์ต่างๆ ได้แทบจะทุกยุคทุกสมัยเลย และนี่ก็เป็นรูปแบบล่าสุดที่ถูกหยิบมาผสมคลุกเคล้าขึ้นใหม่ ออกมาเป็น “Night Teeth” (เขี้ยวราตรี) หนังแอคชั่นระทึกขวัญที่เต็มไปด้วยเลือดสาดนอง กับความเขย่าขวัญที่พยายาม พยายามแล้วที่จะทำให้คนดูสะพรึง
ฮาโลวีนนี้ใครกำลังหาหนังระทึกขวัญ วันนี้มีภาพยนตร์เรื่อง Night Teeth เขี้ยวราตรี มาฝากกันค่ะ เขี้ยวราตรี เป็นภาพยนตร์จาก Netflix ที่มีพากย์ไทย เรื่องราวการต่อสู้ของแวมไพร์และมนุษย์ ในเมืองลอสแองเจลิส แนววัยรุ่น โรแมนซ์ ระทึกขวัญ ได้นักแสดงนำหนุ่มละติน ฮอร์เฮ เลนเดบอร์ก จูเนียร์ ที่หลายคนอาจรู้จักเขาจากบท Memo ในเรื่อง Bumble Bee กับสองนักแสดงสาวสวย เด็บบี้ ไรอัน และ ลูซี่ ฟราย นอกจากซีนต่อสู้ แอ็คชั่นที่ค่อนข้างมันส์แล้ว ก็มีซีนโรแมนซ์ระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์ด้วย แต่จะหวานหยดเยิ้ม ชวนฟินหรือเปล่า แล้วซีนแอ็คชั่นจะมันส์แค่ไหน มารับชมบทความรีวิวหนังเรื่องนี้กันครับ
เรื่องราวเปิดมาด้วยเสียงพากย์ที่บรรยายเกี่ยวกับ เผ่าพันธ์ที่อยู่มาอย่างช้านาน (มนุษย์กับแวมไพร์นั่นล่ะ แต่ดันไม่บอกตรงๆ เหมือนกั๊กไว้เป็นความลับ ทั้งๆ ที่ตัวอย่างหนังก็เฉลย) แต่พวกเขาก็ได้ตกลงทำสัญญาสงบศึกเพื่อจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข โดยคงกฏไว้สามข้อก็คือ 1.ห้ามให้มนุษย์รู้ว่าแวมไพร์มีตัวตนอยู่ 2.อย่าดูดเลือดคนที่ไม่เต็มใจ 3.ห้ามยุ่งกับเขตบอยล์ไฮต์โดยไม่ได้รับอนุญาติเด็ดขาด ดูเหมือนว่าเหล่าแวมไพร์พวกนี้จะปกครองโลกแสงสีในยามค่ำคืนอย่างลับๆ อยู่ แต่แล้วดันเกิดเหตุที่จะทำลายกฏเหล็กนั้นขึ้นมา เพราะพวกแวมไพร์ดันไปฆ่าคนๆ หนึ่งเข้า
นี่คือผลงานผู้กำกับหนังเขย่าทุนต่ำ “อดัม แรนดัล” ที่ได้รับโอกาสมาจับงานหนังที่มีสเกลใหญ่กว่าผลงานก่อนๆ ของเขา โดยได้นักเขียนหน้าใหม่ “เบรนต์ ดิลลอน” มาปั้นเรื่องให้เป็นผลงานเครดิตเรื่องแรกของเขา คงต้องบอกว่าสิ่งที่รู้สึกชอบในองค์ประกอบสร้างหนัง Night Teeth ต้องยกย่องให้กับโปรดักชั่นดีไซน์และการออกแบบจัดแสงได้อย่างน่าหลงใหล หนังมีมูทแอนด์โทนลึกลับได้โดดเด่น เพราะการเล่นกับแสงสีที่จัดเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ
แต่แค่องค์ประกอบเดียวก็ไม่สามารถชดเชยความเละเทะของหนังได้ทั้งหมด ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า Night Teeth เป็นหนังที่แทบไม่มีชั้นเชิงเนื้อหาใดๆ เลย ด้วยเส้นเรื่องที่มีเพียงแค่กระจิดริด เปิดตัวและปูพรมเรื่องราวเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ แต่เนื้อในกลับยังเต็มไปด้วยฟองอากาศกลวงๆ ไปเสียส่วนใหญ่ หนังเดินเรื่องไปแบบเรื่อยๆ แทบไม่ค่อยมีจุดเด่นอะไรให้หวือหวานัก
โครงเรื่องที่อ่อนเบาบางของหนังเป็นจุดด้อยที่ทำให้หนังไม่เป็นที่น่าจดใจสักเท่าไหร่ เต็มไปด้วยความซ้ำซากเดิมๆ พล็อตเก่าๆ ไม่ได้มีการขยายหรือสร้างมิติในประเด็นที่นำเสนอออกมาเลยแม้แต่น้อย มีแต่พาผู้ชมไปทีละด่านๆ แบบไม่ชวนตื่นเต้นอะไรเท่าไหร่ ก่อนจะหักเลี้ยวเข้าสู่โค้งสุดท้ายได้แบบจืดๆ กับบทสรุปที่ง่ายเหมือนแค่หักกิ่งไม้เล็กๆ ที่ยิ่งทำให้หนังห่างไกลจากคำว่าทรงพลังเข้าไปอีก
ถึงแม้ว่าเหล่านักแสดงในเรื่องจะค่อนข้างช่วยพยุงตัวหนังเอาไว้แล้ว แต่เสน่ห์ของ “จอร์จ เลนเดบอร์ก จูเนียร์” กับ “เด็บบี้ ไรอัน” แทบจะดันหนังทั้งเรื่องเอาไว้ไม่ได้เลย ตัวละครทุกตัวในเรื่องมีหลายๆ มุมที่สามารถขยี้ได้ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเมินเฉยไป กลายเป็นความแซบที่แซบได้แบบไม่ถึงรสชาติ นี่จึงไม่ต่างกับหนังที่สามารถเปิดดูได้ผ่านๆ แต่พอหนังจบไปได้แค่ 10 นาที ก็แทบจะลืมสิ่งที่ดูมาทั้งไปแล้วเสียอย่างนั้น
รีวิว Night Teeth เหล่านักแสดงนำคุณภาพของเรื่อง
ฮอร์เฮ เลนเด บอร์ก จูเนียร์ (Jorge Lendeborg Jr.) รับบทเป็นเบนนี่ หนุ่มนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ เชื้อสายละตินอาศัยอยู่กับยายและเจย์ พี่ชาย เป็นหนุ่มที่ชื่นชอบในเสียงเพลง ใฝ่ฝันอยากเป็นดีเจ ทำงานพาร์ทไทม์หลายอย่างเพื่อหาเงินค่าเทอม พอรู้ว่าพี่ชายกำลังหาคนขับรถแทนในคืนนี้ เขาจึงขอโอกาสในการทำงานขับรถ จนได้มาพบเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คาแรกเตอร์เป็นหนุ่มง่าย ๆ สบาย ๆ รักคุณยาย และพี่ชาย
เด็บบี้ ไรอัน (Debby Ryan) รับบทเป็นแบลร์ สาวสวยลึกลับเพื่อนสนิท โซอี้ คาแรกเตอร์เป็นสาวอารมณ์ดี มองโลกในแง่บวก ชอบเบนนี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น แต่ไม่ได้สานต่อเพราะความต่างของทั้งคู่ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว จึงเกิดโรแมนซ์ขึ้นระหว่างเธอและเบนนี่ สาวเด็บบี้น่ารักดี สายตาชวนฝันมาก
ลูซี่ ฟราย (Lucy Fry) รับบทเป็น โซอี้ สาวสวยลึกลับอีกหนึ่งคน เพื่อนของเด็บบี้ ออกแนวโหดเหี้ยม ไม่รักใคร รักแค่แบลร์เพื่อนสนิท และวิกเตอร์แฟนหนุ่ม พร้อมฆ่าทุกคนที่เข้ามาขวางทาง
อัลฟี อัลเลน Alfie Allen รับบทเป็น วิกเตอร์ แวมไพร์หนุ่มแฟนของสาวโซอี้ มีนิสัยเหี้ยม อยากยกระดับตัวตนให้เป็นหัวหน้า เลยแหกกฎข้อตกลงเรื่องการรุกรานย่านบอยล์ ไฮต์ส จับตัวมนุษย์มาขังไว้เพื่อดูดเลือด ตามล่าเพื่อจัดการผู้คุมกฎ เจย์ พี่ชายของเบนนี่
ราอูล คาสติลโญ Raul Castillo รับบทเป็น เจย์ พี่ชายต่างพ่อของเบนนี่ ทำงานเป็นโชเฟอร์รถหรูคอยรับเศรษฐีท่องราตรีในลอสแองเจลิส รู้วิธีจัดการกับพวกแวมไพร์และเป็นคนควบคุมกฎไม่ให้เหล่าแวมไพร์เข้ามาหากินในย่านบอยล์ ไฮต์ส หลังจากมาเรียแฟนสาวโดนวิกเตอร์ลักพาตัว เขาออกตามหาเธอ พร้อมทั้งไล่ล่าเพื่อจัดการวิกเตอร์ และให้เบนนี่ปลอมตัวเป็นเขาเพื่อขับรถแทน หลายคนอาจคุ้นหน้าหนุ่มคนนี้มาบ้าง เพราะเขาเคยเล่นในเรื่อง Army of The Dead รับบทเป็น Guzman เรื่องนี้ก็ไม่ต่างกันเพราะยังเป็นแนวไล่ล่า ต่อสู้เหมือนเดิม
รีวิวถึงข้อดีข้อเสียของหนังเรื่องนี้
นักแสดงคับคั่ง แต่ละคนก็มีส่วนสำคัญกับตัวเนื้อเรื่องแตกต่างกันไป และเป็นข่าวดีสำหรับคนที่คิดถึงสาวฮอตปรอทแตกอย่างเมแกน ฟ็อกซ์จาก Jennifer’s Body หรือซิดนีย์ สวีนีย์ จาก Euphoria เรื่องนี้มารับเชิญให้เห็นหน้ากันสั้น ๆ ด้วย
พล็อตโฮลเองก็มีอยู่หลายจุด ที่ดูไม่สมเหตุสมผลผุดขึ้นมาให้เห็นทั้งเรื่อง เช่นตราสัญลักษณ์เฉพาะแวมไพร์ที่ดันบังเอิญมากลิ้งเข้ามือพระเอกพอดี หรือการแฝงตัวเข้าไปฆ่าหัวหน้าแวมไพร์ตามเขตต่างๆ ของสาวแวมไพร์ ด้วยการเข้าไปคุยตีเนียนแล้วจะเอามีดแทง มันก็ได้แต่ทำให้คิดในใจว่า พวกเอ็งเป็นแวมไพร์ ตีเนียนเพื่อเข้าไปเอามีดแทงเนี่ยนะ อะไรกันครับเนี่ย ปูมหลังหรือความโหดของตัวบอสใหญ่ก็ไม่ได้ดูน่าเกรงขามอะไรเลยด้วย มัวแต่ดันไปโฟกัสกับดราม่าส่วนอื่นเสียหมดจนลืมที่จะบิ้วเกี่ยวกับตัวละครสำคัญ
แต่สิ่งที่ต้องชมจริงๆ คืองานโปรดักชั่นของเรื่องที่บอกเลยว่า ทำได้ดีและสวยมาก ฉากหลายๆ ฉาก อย่างเช่นตอนที่พระเอกกำลังมึน แล้วสองสาวบู๊แหลกเป็นแบคกราวอยู่ข้างหลัง โลกแสงสีในยามค่ำคืน และฉากไคล์แม็กซ์ที่ใช้มุกแสงอาทิตย์ก็ทำออกมาได้สวย CG เองก็ดูดีเลย ทั้งการตายของแวมไพร์ที่ร่างกายจะค่อยๆ แหลกสลายและไหม้ไปเอง หรือแผลโดนยิงหัวก็ค่อยๆ สมานเอง รวมไปถึงเพลงประกอบที่เข้ากับบรรยากาศในยามค่ำคืนของ Los Angeles และหนังเรื่องนี้มีพากย์ไทยให้ฟังด้วย สำหรับคนไม่ชอบอ่านซับ จะลองดูก็ไม่เสียหาย แต่อย่าไปคาดหวังอะไรมาก
แต่ที่น่าตื่นตาตื่นใจน่าจะเป็นภาพซีนการต่อสู้ เพราะแอ็คชั่นมันส์เร้าใจได้อยู่ ยกมาหมดทั้งใช้มีด หน้าไม้ ปืน แตะต่อย ขับรถหนี ซีนดูดเลือดก็เลือดสาดดี แสง สี เสียงทำดี และโดยรวมแล้วจัดว่าซีนต่อสู้ทำดี แต่ไม่ได้ถึงกับพีคมาก แต่จัดว่าดีที่สุดของเรื่อง
โดยสรุปแล้ว Night Teeth ก็ไม่ใช่หนังย่ำแย่อะไรขนาดนี้ เป็นหนังที่ดูได้เพลินๆ ไม่ถึงกับสนุกมาก แต่ก็ไม่ใช่น่าเบื่อ ด้วยความเป็นหนังล่าแวมไพร์ก็น่าจะเข้าถึงผู้ชมได้ดีระดับหนึ่ง เพียงแต่โครงเรื่องของหนังไร้ความแปลกใหม่ ไม่สามารถดึงดูดผู้ชมได้มากพอ แม้องค์ประกอบศิลป์ด้านต่างๆ จะน่าพอใจดี แต่กลับยังไม่สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกคล้อยตามและจดจำใน หนังเรื่องนี้ได้ตัวหนังเองมาพร้อมงานภาพที่น่าสนใจ ด้วยเมืองยามราตรีฉาบด้วยไฟนีออน ด้านเนื้อเรื่องแม้จะเริ่มมาน่าสนใจ แต่พอผ่านไปครึ่งเรื่องกลับเต็มไปด้วยความสับสน ไร้จุดหมาย ไร้เหตุผล และจบแบบไม่มีอะไรน่าจดจำ
หากชอบบทความนี้ สามารถ ติดตามรีวิวหนัง สปอยหนัง เรื่องอื่นๆได้ที่ สปอยหนังดี