เปิดตัว อีหล้าเอ้ย
เนื้อเรื่องย่อ เรื่องราวของสาวน้อยสุดน่ารักจากบ้านนาห่างไกลทางภาคอีสาน หล้า เธอตั้งใจเดินทางออกมาทำตามความฝันที่เมืองหลวง จากนั้นด้วยความพยายามของเธอ ในที่สุดก็ได้งานเป็นสาวโรงงานที่เดียวกันกับญาติของเธอโดยบังเอิญ สาวใหญ่สุดแซ่บ เขียว เรื่องราวนี้ทำให้ได้พบเจอกับ พง หนุ่มอีสานที่มาตามหาฝันเช่นเดียวกันกับเธอ แต่วันแรกที่ได้เจอกันนั้นไม่ราบรื่นสวยงามนัก เนื่องจากมีเหตุการณ์ไม่คาดคาดคิดที่ทำให้หล้าเข้าใจพงผิดไปในทางที่ไม่ค่อยดี ดูหนัง ที่นี่
ทางด้านพงพักอยู่กับพี่ชายกันสองคน ชื่อว่า หำ ซึ่งหำกับเขียวนั้นกำลังคบกันอยู่ แต่พอน้องๆ มีเรื่องมีราววุ่นๆกันจึงทำให้ทั้งสองต้องปกป้องและเข้าข้างฝั่งน้องของตัวเอง ความชุลมุนชุลเก ระหว่างความรักสายฮา กับสาวอีสานผู้ตามหาฝันจึงบังเกิดขึ้น
เป็นหนึ่งในหนังไทยที่เป็นไฮไลท์ในสุดสัปดาห์นี้ อีกหนึ่งหนังไทยที่มีความน่าสนใจในการนำเสนอ โดยเฉพาะแค่ได้ยินว่าเป็นหนังพูดสำเนียงอีสาน ที่ได้คนทำหนังจากแดนใต้มาเป็นผู้สร้าง และดูเหมือนจะออกมาได้กลมกลืนและน่าพอใจอยู่ เรากำลังพูดถึง “อีหล่าเอ๋ย” หนังไทยเรื่องล่าสุดของ “เอกชัย ศรีวิชัย” ที่มีความรักกุ๊กกิ๊กและสะท้อนชีวิตคนอีสานพลัดถิ่นสู่เมืองกรุง
ปี 2020 อาจเป็นปีที่ทำหนังไทยเจ็บหนักที่สุดทั้งผลกระทบจากโควิด 19 ระบาดหรือพิษเศรษฐกิจ (และปัญหาความไม่สงบทางการเมืองที่กำลังคืบคลานมาติด ๆ) แต่กระนั้นชื่อหนึ่งที่ดูจะสวนกระแสกับทุกวิกฤติอย่างน่าอัศจรรย์คงเป็นใครไม่ได้นอกจากเอกชัย ศรีวิชัย นับจากความสำเร็จระดับปรากฎการณ์ของ มนต์รักดอกผักบุ้ง เมื่อกลางปีที่ทำรายได้ไปร่วม 50 ล้านบาทมาปลายปีนี้เอกชัยยังมีหนังเข้าฉากอีก 2 เรื่องได้แก่ อีหล่าเอ๋ย ที่เรากำลังจะพูดถึงและอีกไม่กี่สัปดาห์กับสีดา ตำนานรักโลงคู่
อีหล่าเอ๋ย เป็นเรื่องราวของ พง เด็กหนุ่มจบใหม่ไฟแรงจากอุบลราชธานี ออกเดินทางตามหาความฝันในเมืองหลวงกรุงเทพมหานคร เมืองที่หลายคนใฝ่ฝันที่จะมาขุดทอง พง มีพี่ชาย ชื่อ บักหำ รปภ. หนุ่มประจำโรงงานเย็บผ้า ที่มีแฟนสาวสุดสวยแสนแซ่บอย่าง เจ้เขียว วันแรกที่ พง ได้มาเริ่มทำงานที่ฝ่ายซ่อมบำรุง ก็เกิดเรื่องราวไม่คาดฝันขึ้น มีผู้หญิงคนหนึ่งนุ่งผ้าซิ่น พุ่งตรงเข้ามาชกเข้าที่หน้าของเขา
เหตุการณ์ชุนละมุนวุ่นวายอยู่พักใหญ่ทำให้ เจ้เขียว และ บักหำ ต้องเข้ามาแยก พง ได้รู้จากปาก บักหำ ว่า ผู้หญิงที่ชกหน้า เธอชื่อ หล้า สาวโรงงานแผนกควบคุมคุณภาพ เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายในวันแรกของ พง อยู่ในสายตาของ บิ๊ก ลูกชายของเจ้าของโรงงานที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ทำไม หล้า ต้องชก พง และเรื่องราวความสนุกของพวกจะลงเอยอย่างไร ติดตามชมต่อได้ที่ ดูหนังออนไลน์
เปิดตัว อีหล้าเอ้ย หนังไทยที่คนไทยควรไปดูในโรง
หากจะกล่าวถึงส่วนที่ดีของหนังก็มีไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะบรรดาแคสติ้งนักแสดงที่เลือกมาอย่างมีสีสัน ทั้งนักแสดงหลักและนักแสดงสมทบ โดยเฉพาะ คุณ ตูมตาม ยุทธนา กับ คุณ ไข่มุก รุ่งรัตน์ คู่พระนางที่มีเสน่ห์และขับเคลื่อนตัวละครออกมาได้ดี ทำให้เราดูไปยิ้มไปได้ทั้งเรื่อง ซ้ำยังเหมาะสมกันในบทที่ขึ้นจอของวันนี้อีกด้วย ในขณะที่คู่รองอย่าง “ตั๊กแตน ชลดา” กับ “นก พงศกร” ก็นับว่ามีอินเนอร์และเสน่ห์แพรวพราวอย่างเหลือเชื่อเหมือนกัน เนื่องจากอยู่ในวงการลูกทุ่งอีกสานมานานทำให้ถ่ายทอดรายละเอียดออกมามีเสน่ห์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
โดยความน่าสนใจที่สุดสำหรับอีหล่าเอ๋ยคงหนีไม่พ้นการพยายามลองของเล่าเรื่องข้ามภูมิภาคไปทำหนังอีสานของนายหัวเอกชัยนี่แหละ และจากตัวอย่างหนังคงพอประจักษ์แล้วว่านายหัวของเราดูจะมักเพลงหมอลำและภาษาอีสานอาหลี ผลลัพธ์เลยออกมาเป็นหนังตลกอีสานตามสมัยนิยมโดยไม่ลืมหยอดให้มีภาษาใต้ในหนังแม้จะเป็นแค่แบ็กกราวด์ประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พอมีกลิ่นอายของเด็กใต้หร่อยจังฮู้ ที่เรียกคะแนนความสนใจของคนไทยในภาคใต้ได้ไม่มากก็น้อย
สิ่งที่เป็นเหมือนธรรมดาเวลาดูหนังอย่างอีหล่าเอ๋ยทั้งการทิ้งโลกความจริงไว้ก่อนเข้าโรงและพร้อมหัวเราะกับทุกมุกที่หนังประเคนให้คือกฎตายตัวเพื่อให้เราดูภาพและฟังเสียงจากหนังตลกบ้าน ๆ เรื่องหนึ่งให้มีความสุข ซึ่งยอมรับเลยว่าหากนี่เป็นอาหารอีสานตามร้านลาบหรือร้านส้มตำมันก็มีรสเผ็ด เค็ม มัน หวาน นัวและแซ่บอย่างที่เราหวังจริง ๆ นั่นแหละ
ทั้งพล็อตเรื่องที่ดูง่ายย่อยง่ายไม่มีอะไรซับซ้อน มุกตลกที่ขยันปล่อยประหนึ่งเทียบเงินค่าตั๋วกับปริมาณมุกแบบเอาให้เกินต้นทุนตั๋วหนัง เสน่ห์นักแสดงที่ต้องยอมรับว่าแพรวพราวและโดดเด่นกันทุกตัวแม้ว่าจะหามิติของตัวละครไม่เจอเลยก็ตามแต่อย่างน้อยดูจบก็จำได้ล่ะว่าตูมตามขยันถอดโชว์หุ่นโชว์รอยนูนกระบอกข้าวหลามหรือนกพงศกรที่น่าจะให้ภาพยามที่ชวนให้คิดทะลึ่งตึงตังที่สุดในวงการหนังไทย
โดยหนังจะเริ่มเรื่องด้วยฉากแรกพบของพระเอกนางเอกอย่าง พง (ตูมตาม ยุทธนา) กับ หล่า (ไข่มุก รุ่งรัตน์ เหม็งพานิชย์) ที่มาสมัครงานวันเดียวกันที่โรงงานทอผ้าแห่งหนึ่งและจากความเข้าใจผิดว่าพงเป็นคนฉกกระเป๋าเธอคืนก่อนก็ทำให้เกิดสงครามย่อม ๆ หน้าโรงงานจนบักหำ (นก พงศกร) และ เขียว (ตั๊กแตน ชลดา) พี่ของทั้งคู่ที่แอบกิ๊กกันต้องมาห้ามทัพ
แต่นานวันจากศัตรูที่จ้องเขม่นก็กลายเป็นคนรักที่แอบมีใจให้กันมากขึ้นจนความหวานทำเอาคนรอบข้างเลี่ยนกันทั้งโรงงาน และในขณะที่ความสัมพันธ์ทั้งคู่กำลังเบ่งบาน คุณบิ๊ก (นีโน่ กฤษฎิ์สพล) เจ้าของโรงงานสุดเพอร์เฟกต์ก็เข้ามาขอเป็นคู่แข่งในสนามชิงหัวใจของหล่า งานนี้ผู้จัดการหนุ่มทุ่มทุนสร้างหรือหนุ่มช่างซ่อมที่มีเพียงหัวใจใครจะได้ใจของอีหล่าไปครอง.
เราคงจะคาดเดาได้ไม่ยากว่าการสร้างหนังแนวนี้จะทำให้มีกลุ่มคนดูตามสถิติส่วนใหญ่เป็นสาว ๆ ซะส่วนใหญ่ด้วยการเป็นแฟนเซอร์วิสชุดใหญ่จัดเต็มก็เลยต้องมาจากหนุ่ม ๆ ในเรื่องนี่แหละ ส่วนนีโน่ กฤษฎิ์สพล ก็น่าจะถูกใจสาว ๆ สายคลีนที่แม้จะไม่ได้ขายความแซ่บแต่ก็หวานกรุบน่าเคี้ยวไม่หยอกล่ะนะ ในขณะที่สาว ๆ ในเรื่องจะเน้นขายความฮาและมุกสังขารเป็นส่วนใหญ่โดยเฉพาะตั๊กแตน ชลดาที่นางดูจะเอ็นจอยกับการเล่นมุกทะเล้นทะลึ่งตึงตังไม่น้อยซึ่งก็สร้างสีสันให้เรื่องราวได้ไม่น้อยเลย
ดังนั้นสิ่งที่อีหล่าเอ๋ยเป็นเลยไม่ต่างจากอาหารอีสานสำเร็จรูปที่ปรุงมาถูกปากคนส่วนใหญ่แน่ ๆ เพื่อส่งขายทั่วประเทศทั้งนักแสดงที่คัดมาทั้งหน้าตาและเสน่ห์แพรวพราวกันทุกคน เรื่องราวกุ๊กกิ๊กชวนยิ้ม มุกตลกที่จัดหนักแบบไม่ต้องเกรงใจเพดานอายุ มีมุกล่อแหลมออกไปในทาง18+ค่อนข้างเยอะนะครับ ถ้าจะพาเด็กไปดูควรให้คำแนะนำ แต่เนื้อหาค่อนข้างย่อยง่ายบริโภคได้โดยไม่ต้องคิดมากเหมือนเอาอาหารเข้าไมโครเวฟแม้จะจำเจแต่ก็อร่อยแบบยังกินได้แม้จะซ้ำทางคนอื่น
และที่โดดเด่นและเหนือคาดจริง ๆ คือในส่วนของพาร์ตโรแมนติกก็ถือว่าทำได้ดีนะครับ ส่วนหนึ่งเชื่อแหละว่าความเป็นศิลปินของนายหัวเอกชัย ศรีวิชัยทำงานกับต่อมโรแมนติกได้ดีซึ่งทั้งตูมตามกับไข่มุกก็สร้างเคมีที่น่ารักและตอนจบของหนังก็ถือว่าสร้างโมเมนต์โรแมนติกแบบเต็มอิ่มให้คนดูได้อย่างมีรสนิยมไม่น้อยเลยล่ะ แต่อย่างว่าคือเราอาจต้องทิ้งความสงสัยหรือตรรกะใด ๆ ไว้นอกโรงแล้วเข้าไปเสพเรื่องประโลมโลกย์หนีความจริงของหนังที่ทำออกมาได้แซ่บจังฮู้แค่นี้ก็คุ้มค่าตั๋วแล้วล่ะเด้อ
ขณะที่จังหวะทำนองเพลงที่ถูกใส่เข้ามาในหนัง น่าจะถูกใจคอเพลงลูกทุ่งได้เป็นอย่างดี เพราะนักแสดงส่วนใหญ่ก็เป็นนักร้องและมีทักษะการร้องอยู่แล้ว บางครั้งหนังก็ยังถ่ายทอดออกมาในเชิงมิวสิคัลร่ำร้องเพลงแทนความรู้สึก ประกอบกับนักแสดงมีอินเนอร์การร้องเพลงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้การประสานเสียงออกมาคลอกับเนื้อเรื่องไม่ใช่ปัญหา พวกเขายังส่งสารมาถึงคนดูได้อย่างประทับใจ
แต่กระนั้น อีหล่าเอ๋ย ก็ยังต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ปัญหาหลักที่เกิดขึ้นกับหนังไทยส่วนใหญ่ นั้นก็คือในส่วนของบทหนัง บทของหนังเรื่องนี้ไร้ซึ่งน้ำหนัก ไร้มิติใดๆ และเกือบจะไร้อรรถรสเสียด้วยซ้ำ ไม่น่าเชื่อว่าในปี 2020 ยังคงมีบทหนังเชยๆ แบบนี้อยู่ ด้วยความเชยของบทย่อมส่งผลไปถึงตัวหนังทั้งเรื่องด้วย อีหล่าเอ๋ยได้กลายเป็นเรื่องหนังสะเปะสะปะ จับตัดแปะไปทั่ว บางทีมิวสิควิดีโอเพลงลูกทุ่งยังซาบซึ้งกว่า
รีวิวหนังเรื่องนี้หลังดูและความรู้สึกส่วนตัว
สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือต้องชื่นชอบทิศทางและแนวทางงานสร้างของผู้สร้างหนังเรื่องนี้ ที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและใส่ใจในการพิถีพิถันในการสอดแทรกวัฒนธรรมอีสานต่างๆ ให้เข้าเข้ามาอยู่ในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะงานภาพและโลเคชั่นที่ทำออกมาได้ดี งานเสียงและงานเพลงที่เห็นถึงความตั้งใจเอาใจใส่และยังหยิบเอาความเป็นพื้นเมืองของอีสานใส่เข้าไว้ ซึ่งทำให้การดูได้รับอรรถรสมากขึ้นไปอีก รวมทั้งการถ่ายทอดความเป็นลูกอีสานได้อย่างยอดเยี่ยมและเข้าถึงคนดูได้ แม้ว่าผู้สร้างเองก็ไม่ใช่คนอีสานแท้ๆ ก็ตาม
อีหล่าเอ๋ย จึงมีบรรยากาศและโทนคล้ายๆ กับละครเย็นก่อนข่าว ที่มุ่งเน้นสร้างความบันเทิงและหวังเรียกเรตติ้งเป็นหลัก เพียงแต่เป็นการสร้างละครในฉบับที่สั้นกระชับกว่า ต้องจบเรื่องราวให้ได้ภายใน 2 ชั่วโมง แต่แกนหลักของเรื่องมีเพียงอยู่แค่หยิบมือเดียว ทำให้ประเด็นที่แท้จริงของหนังเหมือนจะมีอยู่แค่ 15% แต่อีก 85% กลายเป็นน้ำเหลวๆ เจือปนอยู่แบบไร้แก่นสาร ไม่มีจุดโฟกัสที่ทำให้ผู้ชมรู้อย่างชัดเจนเลยว่าอะไรคือความหมายของหนัง
เพราะบทหนังที่มีปัญหา จึงทำให้ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงของหนังไปไม่สุดสักทาง จะเป็นหนังทะเล้นก็ไม่ใช่ จะเป็นหนังรักก็ไม่เชิง คอนเซ็ปต์ที่จับทุกอย่างมาเหมารวมกันเป็นยำเละๆ ที่บริโภคพอได้ แต่บางทีอาจจะถูกย่อยลืมไปอย่างน่าเสียดาย
ตัวละครหลักๆ ของเรื่องยังพอได้รับการออกแบบให้มีมิติในคาแรกเตอร์อยู่บ้าง แต่ในขณะที่ตัวละครสมทบอื่นๆ กับไร้มิติอย่างสิ้นเชิง ถูกจับใส่เข้ามาแบบไม่เป็นชิ้นเป็นอัน บางครั้งก็ใส่เข้ามาแบบไร้ที่มาที่ไป เช่น บทที่ผู้กำกับแสดงเองคู่กับ ฮาย อาภาพร ที่กลายเป็นตัวละครที่ไร้ซึ่งความจำเป็นในหนังอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ยังถูกจับยัดใส่เอาไว้ในหนัง เพื่อหวังจะสร้างมุกและเรียกเสียงฮา แต่ดันกลับรีบปล่อยทีเด็ดออกมาให้คนดูรับรู้ในทีเซอร์ของหนังแล้ว
ทำให้หมดความน่าตื่นเต้นไปเลย แล้วเรื่องราวนั้นทั้งเรื่องก็มีแค่ฉากที่เราเห็นในตัวอย่างนั้นแหละครับ
โดยสรุปแล้ว อีหล่าเอ๋ย เป็นหนังไทยที่่ค่อนข้างน่าผิดหวัง ยังไม่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับหนังไทยแนวๆ นี้ได้ บทหนังค่อนข้างเชยมาก แม้แต่จะเรียกสาวโรงงานยุค 5G ก็ยังใช้คำว่า สาวฉันทนา อยู่เลย ซึ่งค่อนข้างโบราณไปหน่อยและไม่ค่อยเข้ากับตีมของหนัง
ประกอบกับการเล่าเรื่องที่ยังไม่ค่อนชัดเจนและเข้ารูปเข้ารอยเท่าไร ใช้เทคนิคการผลักดันและขับอารมณ์ตัวละครได้ไม่ดีเท่าที่ควร แม้ว่านักแสดงจะช่วยพยุงเอาไว้มากแล้วก็ตาม หนังเรื่องนี้จึงเป็นเพียงหนังที่มอบความบันเทิงตามรสนิยมของคนดู บางมุมอาจเพลิดเพลิน แต่บางมุมอาจจะอะไรครับเนี่ย นี่มันอะไรครับเนี้ย ซึ่งแล้วแต่คุณจะตีความ และความชอบของคุณ
หากชอบบทความนี้สามารถติดตาม รีวิวหนัง สปอยหนัง หรือข่าวสารเกี่ยวกับหนังได้ที่ สปอยหนังดี