10 อันดับ ซีรีส์ฝรั่งแนะนำ
1. Bridgerton วังวนรัก เกมไฮโซ รับชมได้ที่ ดูหนังออนไลน์
เรื่องย่อ : Bridgerton จากนิยายชื่อดังของ Julia Quinn ที่ขายดีสู่จอทีวีของแพลตฟอร์มความบันเทิงยักษ์ใหญ่อย่าง Netflix เรื่องนี้ก็ถือเป็นอีกเรื่องที่ต้องปรบมือ จุดพลุชุดใหญ่ให้กับทาง Netflix ที่ได้ทำซีรีย์ Netflix original น้ำดีมาให้คนดูได้ติดตามกัน ได้รับบทวิจารณ์เชิงบวก และมีจำนวนผู้ชมถึง 82 ล้านครัวเรือน เป็นซีรีส์ที่มีคนดูมากที่สุดบน Netflix
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กล่าวถึงสังคมไฮโซเมืองผู้ดีอังกฤษ ในยุค Regency (คือยุคทองของการพัฒนาเรื่องวัฒนธรรม ประเพณีและศิลปะ เป็นยุคมีความเลอค่าทางสังคม เพราะยุคนี้ให้ความสำคัญในเรื่องสุนทรียศาสตร์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม วรรณกรรม แฟชั่น และดนตรี ) ซึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลบริดเจอร์ตัน ซึ่งเป็นตระกูลไฮโซในสังคม โดยตระกูลนี้มีลูกชายและลูกสาวรวมกัน 8 คน
โดยใน Season นี้ The Duke and I จะเน้นไปที่ลูกสาวคนโต (ลูกคนที่ 4 ของตระกูล) ดาฟนี่ บริดเจอร์ตัน หญิงที่งดงาม ไม่มีที่ติ ผู้ที่ได้รับคำชื่นชมจากพระราชินีว่าคือ เพชรงามไร้ที่ติและงดงามที่สุดในฤดูกาล
ในงานฤดูกาลแห่งการพบปะดูคู่ ที่จัดโดยพระราชินี ที่ให้หญิงสาวชนชั้นสูงที่อยู่ในวัยพร้อมออกเรือนได้มีโอกาสได้เจอหนุ่มๆคนชั้นสูง ซึ่งด้วยเหตุการณ์ที่พระราชินีได้ขนานนาม ดาฟนี่ ว่าเป็นเพชรไร้ที่ติและงดงามที่สุดในฤดูกาล ก็ถือว่าเป็น talk of the town เรื่องราวของเธอจึงเป็นที่มีคนพูดถึงกันอย่างมากมาย รวมไปถึง Lady Whistle Down นักเขียนปริศนา ที่ได้เขียนหนังสือพิมพ์ซุบซิบสังคมไฮโซ ที่ผลงานการเขียนที่มีความจิกกัดสังคมชั้นสูงของ Lady Whistle Down ก็เป็นที่ต้องตาต้องใจแกมขัดใจนิดๆของพระราชินี ที่ท่านก็อยากรู้เช่นว่านักเขียนปริศนาผู้มีอิทธิผลต่อสังคมชั้นสูงคนนี้เป็นใครกันแน่
2. Emily in Paris (2020) เอมิลี่ในปารีส
เรื่องย่อ : เป็นอีกซีรีย์ netflix original เรื่องนึงที่ทาง Netflix ทำเอาไว้ได้ดีทีเดียว เรียกว่าทำเอาสาวๆต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบกันทีเดียว เพื่อนสาวๆไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือฝรั่งก็ติดกันอย่างถอนรากไม่ขึ้น
เรื่องมันมีอยู่ว่า Emily (Lilly Collins) สาวสวยชาวอเมริกันที่มีความมั่นใจ ร่าเริง เป็นพนักงานในบริษัทการตลาด ในชิคาโก ได้ถูกส่งไปทำงานที่
บริษัทในสาขาปารีส ฝรั่งเศส (จริงๆแล้วไม่ใช่เธอหรอกที่ต้องมา แต่ต้องเป็นเจ้านายเธอ แต่ไม่สามารถมาได้เนื่องจากอะไรนั้น ต้องไปดูค่ะ) เธอต้องทำหน้าที่ดูการตลาดของบริษัท
แต่เมื่อมาที่ปารีสแล้วนั้นสิ่งที่เธอต้องเผชิญนั่นก็คือ Culture Shock ความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม แนวความคิดต่างๆของคน แล้วไหนจะปัญหาเรื่องการใช้ภาษา เพราะเธอไม่รู้ภาษาฝรั่งเศสสักเท่าไร่นัก
และชาวฝรั่งเศสก็คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ rude มากหากมาทำงานที่นี่แล้วพูดภาษาเค้าไม่ได้ แต่เธอก็คิดว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็คงดีขึ้น เพราะแฟนหนุ่มจะมาหาเธอ แต่แล้วเขาก็ไม่มา
เพราะเขาคิดว่าความสัมพันธ์นี้หากต้องดำเนินต่อไปคงไม่เวิร์คแน่ๆ เพราะระยะทาง ความสัมพันธ์จึงต้องจบลง การทำงานของเอมิลี่นั้นก็ไม่ได้ราบลื่นนัก
เพราะหัวหน้าในบริษัทนี้ไม่ได้ให้ความสัมคัญกับการตลาดทางโซเชี่ยลสักเท่าไหร่นัก แต่เอมีลี่ก็ต้องแสดงความสามารถและพิสูจน์ว่าโซเชี่ยลมันช่วยได้จริงๆเด้อ จนเรียกได้ว่าเธอเริ่มมีคนที่มีอิทธิพลด้านโซเชี่ยลคนหนึ่ง หรือที่คุ้นหูกันว่า influencer
ด้วย Emily เป็นคนร่าเริงและเข้ากับคนง่าย เธอจึง make friend กับ Mindy (Ashley Park) สาวจากลูกเศรษฐีจากแผ่นดินใหญ่ ที่หนีความอับอายบางอย่างมาอยู่ที่ปารีส (ความอับอายเรื่องนั้นคืออะไรนั้น ต้องลองไปดูกันค่ะ) และอีกคนนึงที่เป็นเพื่อนสนิทของ Emily นั่นก็คือ Camille (Camille Razat) ซึ่งแฟนหนุ่มของเธอก็คือ เชฟหนุ่มเจ้าเสน่ห์ อย่าง Gabriel (Lucas Bravo) คนที่ Emily เห็นแล้วใจสั่นตั้งแต่แรกพบในอพาทเม้น
แต่ด้วยเคมีที่เข้ากันระหว่าง Emily กับ Gabriel ทำให้ทั้งสองนั้นแอบมีใจให้กันลึกๆ แต่นี่มันเหมือนจะเป็นรักสามเศร้านี่นา แล้วพวกเขาทั้งสองจะทำอย่างไร จะหยุดหรือไปต่อ ต้องไปชมกันค่ะ
ความคิดเห็นส่วนตัวจากการดูซีรีย์ : เรื่องนี้ต้องบอกว่ามีความสาวสุดๆ สมกับเป็นผลงานผู้สร้างอย่าง Darren Star ที่ผลิตซีรีส์ที่ทำเอาสาวๆทั่วโลก ติดอกติดใจกันอย่างผลงาน Sex and the City (ดูมินิรีวิวเบาๆจากบทความที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง Sex and the City)
3. Riverdale ริเวอร์เดล
เรื่องย่อ : เรื่องนี้พล็อตเรื่องทำมาจากหนังสือการ์ตูนเรื่อง Archie and Friends
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า Riverdale เมืองที่สงบสุข ผู้คนสนิทกัน จนอยู่มาวันหนึ่งเมือง Riverdale ที่เคยสงบสุขก็ต้องเปลี่ยนไป
เพราะการเสียชีวิตของเด็กหนุ่มชื่อ Jason Blossom (Trevor Stines) เป็นลูกชายของเศรษฐีเมืองนี้ เป็นตระกูลด้วยที่มีอิทธิพลในเมืองแห่งนี้ ที่เป็นปฏิปักษ์กับตระกูล Cooper
ซึ่งมีลูกสาวสองคนนั่นก็คือ Betty และ Polly แต่ Polly กับ Jason ก็ดันตกหลุมรักกันสะงั้น แต่สุดท้ายแล้วความรักก็ต้องจบลงเพราะ Jason เสียชีวิต ซึงคนในเมืองรู้สึกไม่ปลอดภัยในการอยู่ที่นี่ ทุกกันต่างใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวง
กลุ่มเพื่อนไฮสคูลที่มี Archie (K.J. Apa), Jughead (Cole Sprouse), Betty (Lili Reinhart) และ Veronica (Camila Mendes) ได้สวมรอยเป็นนักสืบเพื่อหาข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะอยากให้เมืองกลับมาสงบสุขอีกครั้ง และเพื่อหาข้อมูลเขียนข่าวให้กับหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน
เมื่อสืบไปสืบมาก็ดูเหมือนว่าทุกคนจะตกเป็นผู้น่าสงสัยไปสะทุกคนไม่เว้นน้องสาวฝาแฝดของ Jason อย่าง Cheryl Blossom (Madelaine Petsch) ซึ่งการเข้าไปสืบเรื่องแต่ละครั้งนั้นก็พาตัวเองเข้าไปตกอยู่ในความอันตราย ไม่ว่าจะต้องเข้าไปสืบในแก็ง serpent
ต้องไปดูกันค่ะว่าพวกเขาจะสืบเรื่องราวค้นหาคนที่ฆาตรกรรม Jason หาคนทำผิดมาลงโทษได้หรือไม่
ส่วนภาคต่อๆไป ก็ยังคงเป็นเรื่องวุ่นๆที่เกิดขึ้นใน Riverdale ไม่ว่าจะเป็น Back Hood , Gargoyle King และอีกมากมาย เรียกว่า ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก มีเรื่องวุ่นๆเกิดขึ้นมาตลอด
แต่เนื้อเรื่องก็ไม่ได้น่าเบื่อนะครัลบ เนื่องจากตัวละครมีความโตขึ้น มีกลุ่มคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น และที่สำคัญแต่ละครอบครัวมีความเกี่ยวข้องกันมาจตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่าตายาย ทำให้ซีรี่ย์ที่มีความลึก เนื้อเรื่องดูน่าสนใจ น่าค้นหาไปกับตัวละคร
10 อันดับ ซีรีส์ฝรั่งแนะนำ เรื่องสุดท้าย
4. The crown เดอะ คราวน์
เรื่องย่อ : เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เล่าถึงเรื่องราว ของราชวงศ์วินเซอร์ (Royal House of Windsor) ราชสำนักแห่งสหราชอาณาจักร ที่คนทั่วโลกรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี (จริงๆแล้วราชวงศ์วินเซอร์ ไม่ได้เป็นราชวงศ์ที่เก่าแก่แต่อย่างใด จากอดีตจนถึงปัจจุบันเพิ่งมีประมุขปกครองเพียง 4 พระองค์เท่านั้น นั่นก็คือ พระเจ้าจอร์จที่ 5, พระเจ้าเอ็ดเวิร์ตที่ 8, พระเจ้าจอร์จที่ 6 และสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2) ที่อิงจากชีวประวัติของบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง
โดยเหตุการณ์จะนำเสนอเรื่องราวตั้งแต่ปีคริตศักราช 1947 โดยประมุขผู้ปกครองของประเทศอังกฤษนั้นคือ สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ผู้เป็นพระราชบิดาของเจ้าหญิงเอลิซาเบธ (Claire Foy ,Olivia Colman และ Imelda Staunton) และเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต (Vanessa Kirby)
ต่อมาเจ้าหญิงเอลิซาเบธ ได้ทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าชายฟิลิป (ซึ่งเป็นเจ้าชายแห่งกรีซ) ซึ่งก่อนจะเข้าพิธีอภิเษกสมรส เจ้าชายฟิลิปได้ถอดยศทั้งหมดที่มีจากราชวงศ์กรีซออก เรียกว่าเป็นการเคลียร์สถานะตัวเองเพื่อจะได้แต่งงานนั่นเอง หลังจากนั้นก็ได้เปลี่ยนนามสกุลมาใช้ “เมานท์แบทเทน” ของลุงแทน (ซึ่งเดิมนามสกุลนี้ก็คือ MOUNTAIN BERG) และเปลี่ยนสัญชาติมาเป็นคนอังกฤษอย่างเต็มตัว
เมื่อพระเจ้าจอร์จที่ 6 ได้สวรรคต ผู้ที่ต้องสืบบัลลังก์ต่อนั่นก็คือ เจ้าหญิงเอลิซาเบธ แต่การขึ้นครองราชย์ในครั้งนี้ก็ไม่ใช่จะเป็นเรื่องง่าย เพราะเธอต้องพิสูจน์ตนเองต่อข้าเหล่าขุนนาง และนายกรัฐมนตรีที่ถือว่ามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องราวหลายๆอย่างในประเทศอังกฤษ อย่าง วินสตัน เชอร์ชิล
การขึ้นครองราชย์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ยากในส่วนของหน้าที่แล้ว ยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพระเองและเจ้าชายฟิลิปอีกด้วย ตั้งแต่ตอนที่จะตัดสินใจว่าหากมีพระราชโอรสหรือพระราชธิดา จะต้องใช้นามสกุลฝั่งใคร, เรื่องที่พำนักหลังครองราชย์ และไหนจะข่าวฉาวโฉ่เรื่องความรักของพระขนิษฐา อย่างเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต เรียกว่าการเป็นประมุขเนี่ยไม่ได้ง่ายเอาสะเลย
หากชอบบทความนี้ ติดตามได้ที่ สปอยหนังดี