One for the Road รีวิว

ผลงานเรื่องล่าสุดของบาส – นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ผู้กำกับ ‘เคาท์ดาวน์’ กับ ‘ฉลาดเกมโกง’ ที่คราวนี้พ่วงหว่องกาไว (Wong Kar-wai) โคจรข้ามโลกมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ พร้อมกับหนีบรางวัล World Dramatic Special Jury Award: Creative Vision จาก Sundance Film Festival มาเป็นเครื่องการันตีก่อนเข้าฉายในไทย

ถ้าคุณรู้จักสิ่งที่เรียกว่า ‘ความรัก’ คุณก็สามารถเข้าถึงเรื่องนี้ได้แบบไม่ยากเย็น One For The Road ภาพยนตร์อำนวยการสร้างโดยเจ้าพ่อภาพยนตร์สุดเหงา ‘หว่องกาไว’ และผู้กำกับฉลาดเกมโกง ‘บาส-นัฐวุฒิ’ ที่จะพาเราทุกคนไปสำรวจความรักในทุกความสัมพันธ์ของตัวละคร ในเรื่องและของตัวเราเอง..

คิดถึง ขอบคุณ ขอโทษ เป็นห่วง
หรือมีความในใจมากกว่านั้น
ถ้ากลับไปเจอกัน
คุณอยากบอกอะไร ‘เธอส์’

เตรียมคำบอกลา
เพื่อกลับไปหาคนที่เคยบอกเลิก

หากเปรียบเทียบภาพยนตร์แต่ละเรื่องเป็นค๊อกเทลในแต่ละเมนู One For The Road คงจะเป็นเมนูค๊อกเทลที่มีความเข้มข้น และส่งผลต่ออารมณ์ค่อนข้างมากตลอดการดื่มในหนึ่งแก้ว โดยรสชาติของค๊อกเทลชื่อ One For The Road แก้วนี้ ต้องขอชื่นชมการผสมผสานหลายๆ สิ่งลงไปได้อย่างลงตัวของบาเทนเดอร์

‘One for the Road’ เริ่มต้นเมื่ออู๊ด (ไอซ์ซึ – ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์) ได้โทรมาหาบอส (ต่อ – ธนภพ ลีรัตนขจร) ว่าตัวเขากำลังจะตายเพราะลูคีเมีย บอสจึงต้องข้ามน้ำข้ามทะเลจากนิวยอร์กกลับมาไทย และพาอู๊ดไปทำตามปณิธานสุดท้ายก่อนตาย ซึ่งก็คือการเดินทางกลับไปคืนของให้เหล่าบรรดาแฟนเก่า เรื่องราวการเดินทางครั้งสุดท้ายของชายป่วยใกล้ตายกับเพื่อนรักจึงเริ่มขึ้น ดูหนัง

One-for-the-Road-1

หากใครได้เห็นโปสเตอร์หรือดูเทรลเลอร์มาบ้าง คงพอมองออกว่า One for the Road เป็นหนังสไตล์  ‘Road Movie’ ซึ่งจะเป็นการพาตัวละครไปยังสถานที่ต่าง ๆ พร้อมพาคนดูดำดิ่งเข้าไปในความสัมพันธ์อันซับซ้อน ฉะนั้นแล้วหนังเรื่องนี้จึงมีบรรยากาศที่แตกต่างจากหนังเรื่องอื่น ๆ ของบาส นัฐวุฒิ มากพอสมควร ในขณะที่หนัง 2 เรื่องก่อนจะเน้นสไตล์ทริลเลอร์ที่อัดความลุ้นระทึกจนแทบไม่ทันหายใจ แต่ในเรื่องนี้กลับเป็นบรรยากาศสบาย ๆ ที่ค่อย ๆ ใช้อารมณ์ภายในขับเคลื่อนตัวมู้ดของหนังออกมาแทน รีวิวหนังไทย

ขณะที่หนังพาเราสำรวจเส้นทางที่อู๊ดและบอสได้ได้เดินทางผ่าน หนังก็ค่อย ๆ สอดแทรกแฟลชแบ็กกับหยอดปมไว้ตลอดทาง พร้อมย้อนความว่าพวกเขาเป็นใคร อะไรที่นำพาให้พวกคู่หูนี้ให้ต้องมาเจอกัน แต่ทว่าหนังก็ใช้ความเป็นโร้ดมูวี่ได้ไม่คุ้มนัก เพราะแต่ละโลเกชันที่พวกเขาไป มันกลับไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรไปมากกว่าการเป็นแค่จุดเช็กพอยต์ที่พาอู๊ดไปเจอกับแฟนเก่าแต่ละคนก็เท่านั้น

ถึงแม้ว่าหนังจะไม้ได้สลับซับซ้อนทางการนำเสนอ แต่ก็ทดแทนด้วยบทที่ซับซ้อนเข้ามาแทน จากปมปัญหาที่หนังแอบหยอดไว้ในแต่ละเส้นทางก็ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นระเบิดเวลา และทำให้ซีนไคลแม็กซ์นั้นปะทุออกมาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ แม้ว่าหนังจะลีดอารมณ์คนดูออกมาได้ถูกจังหวะ แต่น่าเสียดายปมใหญ่ของหนังที่ถูกชูไว้ กลับไม่ถูกให้น้ำหนักเท่าที่ควร และทำให้คนดูรู้สึก ‘หลงทาง’ ในบางครั้ง ดูหนังออนไลน์

003-1000x600-1

อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยพยุงหนังไว้คือทัพนักแสดงที่คอยแบกเรื่อง ไล่ตั้งแต่นักแสดงหลักอย่าง ต่อและไอซ์ซึที่เคมีเข้ากันอย่างลื่นไหล ในแต่ละบทสนทนาของทั้งคู่แฝงไว้ด้วยความยียวนกวนทีนและเป็นห่วงกันตลอด จนเรารู้สึกได้เลยว่า นี่แหละความเป็นเพื่อนที่ไม่ประดิดปะดอย โดยเฉพาะไอซ์ซึ ที่ต้องขอชมมาก เพราะเขาใช้วิธีการแสดงแบบ Method Acting ในการดำดิ่งเข้าสู่ความเป็นอู๊ด ซึ่งไอซ์ซึต้องลดน้ำหนักถึง 17 กิโลกรัมและศึกษาพฤติกรรมของผู้ป่วยลูคีเมียระยะสุดท้ายไปพร้อมกัน

ด้านนักแสดงสมทบนั้นก็เล่นดีไม่แพ้กัน ไล่ตั้งแต่บรรดาแฟนเก่าของอู๊ดที่รับบทโดย พลอย หอวัง, ออกแบบ ชุติมณฑน์, นุ่น รมิดา ที่ทยอยมาสร้างสีสันกันเป็นระยะ แต่น่าเสียดายที่หนังให้มิติพวกเธอเป็นแค่คนที่ผิดหวังจากอู๊ดและโผล่มาเพื่อด่ากับให้อภัยเท่านั้น แม้กระทั่งตัวละครอย่าง พริม (แสดงโดย วี วิโอเลต) ที่เป็นแฟนเก่าของบอส ซึ่งได้มิติและแอร์ไทม์มากกว่าแฟนเก่าคนอื่น ๆ ก็มีหน้าที่เพียงแค่ช่วยขับตัวตนจริง ๆ ของอู๊ดกับบอสออกมา และที่อดพูดถึงไม่ได้เลยก็คือบท พ่อของอู๊ด (ธเนศ วรากุลนุเคราะห์) ที่แม้จะโผล่มาแค่เสียงและซีนสั้นๆ แต่ก็ทำหน้าที่ในการนำพาอู๊ดกับบอสให้ทำภารกิจไปจนสุดทาง

One for the Road รีวิว ได้อะไรจากหนังเรื่องนี้

‘One for the Road’ พยายามอย่างมากที่จะพาเราไปสำรวจในทุกแง่มุมของความสัมพันธ์ ตั้งแต่คนแปลกหน้า เพื่อน คนรัก ไปจนถึงครอบครัว ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ช่วยดึงอารมณ์ให้คนดูมีจุดร่วมกับหนังไปได้อย่างดี

ชีวิตของแต่ละคน เกิดมาพร้อมกับช่วงเวลาหนึ่ง และเวลาเหล่านั้นก็ใช้ไปกับแฟนอย่างน้อยหนึ่งคน เมื่อเป็นอดีตก็กลายเป็น ‘แฟนเก่า’ คือคนที่เรายังจำจดไว้แม้เวลาจะผ่านเลยไป เมื่อมีอะไรสะกิดขึ้นมา ความทรงจำเก่าๆ ก็จะย้อนกลับขึ้นมาเหมือนเช่นตะกอน ยิ่งถ้าจบกันไม่ดี หรือจบกันแบบค้างคา คงไม่พ้นมีน้ำตาแน่นอน

อาจจะดูแปลกไปบ้างที่ดูเหมือนหนังจะเล่าถึงแฟนเก่าแต่ละคนด้วยช่วงเวลาที่ไม่ได้นานมาก แต่กลับทำงานกับผมได้ทุกคน แม้กระทั่งกับคนที่คิดว่าไม่น่าจะทำได้ ก็กลับมีช็อตไม้ตายที่กลั้นไม่อยู่ คงเป็นคนประเภทที่อ่อนไหวกับความทรงจำจริงๆ นั่นแหละ

“แม้ว่าเราจะไม่อินกับอะไร แต่ก็ยังมีมุมที่สะกิดใจให้ได้หันกลับมามองตัวเองอยู่เหมือนกัน”

One-for-the-Road-01-1024x683

ด้านงานภาพที่กำกับโดย พาเกล้า จิระอังกูรกุล นั้นก็เป็นหนึ่งข้อดีของเรื่องนี้ รับรู้เลยว่าในแต่ละซีนค่อนข้างพิถีพิถันในการจัดวางเฟรม และการที่ได้หว่องกาไวมาช่วยดูภาพรวมของหนัง ก็ทำให้บรรยากาศ ‘สไตล์หว่อง’ ตลบอบอวนอยู่ตลอดทั้งเรื่อง เมื่อผสมกับจังหวะการตัดต่อสไตล์มอนทาจอย่างรวดเร็วด้วยแล้ว ก็ทำให้จังหวะของหนังถูกนำเสนอออกมาได้อย่างพอดี เป็นตรงกลางที่สมดุลและไม่น่าเบื่อจนเกินไป

มันมากยิ่งกว่าความสัมพันธ์ของแฟนเก่า

จากตัวอย่างหรือช่วงเวลาเริ่มต้นของหนัง อาจบ่งบอกถึงความเป็นทริปแห่ง redemption แต่หนังก็ยังเล่าไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนอีกด้วย อู๊ดกับบอส ที่เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ใครจะรู้ว่าก่อนหน้าที่จะมีวันนี้ พวกเขาเคยผ่านอะไรกันมาบ้าง สิ่งใดที่พวกเขาทำต่อกันและพาให้ชีวิตของพวกเขาเดินมาถึงตรงนี้ หนังจะพาเราไปสำรวจ องก์ที่สามจึงดูหนักหน่วงแต่แตกต่างไปจากก่อนหน้า

หนังเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ขับรถตะลอนไปหลายจังหวัดเพื่อตามหาแฟนเก่า แต่ยังใส่ไอเดียของการทำค็อกเทลเมนูต่างๆ ที่สอดประสานไปกับความทรงจำที่มีต่อแฟนคนนั้นๆ ของอู๊ด และคนที่คิดค้นค็อกเทลให้ก็คือบอส เพื่อนและพลขับของอู๊ดนั่นเอง

ไม่พอ มันยังเป็นหนังที่จัดเพลย์ลิสต์เพลงรักด้วย อู๊ดไม่ได้มีความหลังแค่กับเรื่องแฟน แต่เขาก็มีความหลังเกี่ยวกับพ่อที่เป็นดีเจของตนเองด้วย ในรถคันนี้ ไม่ได้เปิดเพลงจากคลื่นไหน แต่เป็นเทปบันทึกเสียงการจัดรายการของพ่อ และเพลงที่ถูกเปิดก็ล้วนมีความหมายอันสอดประสานไปกับความทรงจำของอู๊ด

การมีนักแสดงที่เล่นดีก็เป็นอีกจุดแข็งของหนัง คนที่โดดเด่นที่สุดสำหรับผมน่าจะเป็นไอซ์ซึ นอกจากลงทุนลดน้ำหนักแล้วก็ยังทำให้เราอินไปกับบทบาท เขารับส่งกับต่อได้ดี ขณะที่บรรดาแฟนเก่าทั้งหลายคงต้องยกให้วีที่พาสะเทือนใจได้สูงสุด อึ้งไปกับการแสดงของพลอยที่ดูเป็นธรรมชาติมากๆ จนอดอินไม่ได้

ในพาร์ทของงานถ่ายภาพ หนังเต็มเปี่ยมไปด้วยงานละเอียด ทั้งด้านการจัดแสง มุมมองภาพ และวิธีการตัดต่อ กลิ่นของความเป็นหว่องกาไวลอยฟูฟ่องอยู่ในหลายส่วนของหนัง ผสานกับดนตรีประกอบที่เน้นแจ๊สฟังเพลินอุรา จัดเป็นงานคราฟต์ชั้นเยี่ยมที่ควรค่าแก่การลิ้มลอง

One-for-the-Road-02

โดยรวมแล้ว ‘One for the Road’ หรือชื่อไทย ‘วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ’ เปรียบเหมือนค็อกเทลแก้วทดลองของบาส มีทั้งรสชาติที่แปลกใหม่และส่วนที่อาจจะยังไม่อร่อยนัก แต่ด้วยการเชคที่ปราณีตและความพิถีพิถันในการคัดเลือกวัตถุดิบ ก็ช่วยให้เราดื่มด่ำกับมันได้ไม่ยาก พร้อมทั้งดีใจที่ได้เห็นเวย์ใหม่ ๆ ในการนำเสนอของบาส (และอีกก้าวของหนังไทย) ซึ่งชวนให้เราตั้งหน้าตั้งตารอว่า “ค็อกเทลแก้วต่อไปของบาสนั้นเป็นอย่างไร” และเราก็พร้อมจะยกขึ้นดื่มอย่างไม่ปฏิเสธ หนังออนไลน์

ชื่อภาพยนตร์ : One for the Road / วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

ผู้กำกับ : บาส นัฐวุฒิ พูนพิริยะ

ผู้เขียนบท : พวงสร้อย อักษรสว่าง, ณฐพล บุญประกอบ, นัฐวุฒิ พูนพิริยะ

นักแสดง : ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์, ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร, นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, ออกแบบ ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, วี วิโอเล็ต วอเทียร์, หญิง รฐา โพธิ์งาม, พลอย หอวัง

แนว/ประเภท : Drama

เรท : MPAA

ความยาว : 136 นาที

ปี : 2021

สัญชาติ : wmp

เข้าฉายในไทย : 10 กุมภาพันธ์ 2022

ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย : Block 2 Pictures, Jet Tone Production, GDH559

ใส่ความเห็น