รีวิว Full Metal Jacket

สวัสดีครับหลังจากที่ผมหายไปนาน วันนี้นายพลรีวิวได้กลับมาอีกแล้ว พร้อมกับหนังสงครามดีๆ น่าสนใจอีกเช่นเคย ซึ่งวันนี้กลับมาพร้อมกับหนังสงครามบู้ยิงกันมันส์กระจาย เรื่อง Full Metal Jacket หรือชื่อไทยว่า เกิดมาเพื่อฆ่า อื้อหือ เป็นไงครับ แค่ชื่อไทยก็กินขาดแล้ว สำหรับหนังเรืองนี้ ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ถ้าเพื่อนๆสนใจ สามารถไปรับชมเต็มเรื่องได้ที่ ดูหนังออนไลน์

ขอบอกก่อนว่า ไอหนัง Full Metal Jacket เรื่องนี้ นำเสนอความสับสน และขัดแย้งของการฝึกของทหาร นาวิกโยธิน (อีกแล้ว) ในสมัยที่อเมริกาต้องส่ง Marine หรือ นาวิกโยธิน ไปสงครามที่เวียดนาม ความสับสน ของพลทหาร นาวิกโยธิน แต่ละนายเกิดขึ้นว่า พวกเขากำลังทำอะไร ตั้งแต่ในค่าย (Boot Camp) การเติบโตทางความคิด แต่จิตวิญญาณกลับ ถูกกลบฝังด้วย ตัวเองในหลังที่ต้องเข้าประจำการในเวียดนาม สมรภูมิเมือง อะไรกันครับเนี่ย ดูหนัง

ตัวหนังแบ่งเนื้อเรื่อง แยกออกเป็น 2 ช่วง โดยมีตัวละครหลักที่เราจะได้เฝ้าดูเรื่องราวของเขาตั้งแต่ต้นจนจบอย่าง พลทหารโจ๊กเกอร์ (Matthew Modine)

ช่วงที่ 1 หนังเล่าถึง เรื่องราวการฝึก ของทหารกลุ่มหนึ่ง ที่มีครูฝึกอย่าง ฮาร์ทแมน (R. Lee Ermey) ประจำการ การฝึกอยู่ครับ แน่นอนว่าการฝึกเข้มข้น เพราะพวกเขาต้องการสร้าง “นักฆ่า” ส่วนนี้หนังมันจะโฟกัสหนักไปที่พลทหารไพล์ (Vincent D’Onofrio) ที่ค่อนข้างจะเป็นตัวถ่วงในกองทัพ และมักจะโดนกดดัน โดยฮาร์ทแมน อยู่ตลอดเวลา โดยมีโจ๊กเกอร์ คอยมอง ดูพัฒนาการ อยู่ห่าง ๆ

 

 

ส่วน ช่วงที่ 2 หนังเล่าถึงเรื่องราวในสมรภูมิรบเวียดนามแบบเต็ม ๆ ซึ่งโจ๊กเกอร์ที่ตอนนี้เขามาทำงานเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์ทหารแล้ว มีเหตุให้ต้องตระเวนไปทำข่าวทางตอนใต้ของเวียดนาม จนได้รวมกลุ่มกับทหารหน่วยนึงนะครับ ซึ่งช่วงนี้เรา จะได้เห็นถึง ความบิดเบี้ยว ภายในจิตใจของ เหล่าทหารในสภาวะสงคราม ว่าจะสบสนขนาดไหน ทั้งหวาดกลัว เคียดแค้น กดดัน รับรองเรื่องนี้สื่อออกมาให้ดูเต็มๆ

หนังสงครามเวียดนามที่เกริ่นเรื่องตั้งแต่การฝึกของเหล่านาวิกโยธินที่ทั้งหนัก ทั้งกดดัน มหาโหด เพื่อให้เราทหารเป็นมือสังหาร หนังสงครามสุดพีคที่ถ่ายทอดความรู้สึกความเป็นทหารออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมถึงอารมณ์ได้สมจริงสุด เป็นผลงานของผู้กำกับระดับปรมารจารย์อย่าง สแตนลีย์ คูบริก ที่ขอบอกว่าทุกๆองค์ประกอบในหนังออกมาดีเยี่ยม ทั้งฉาก ทั้งบทภาพยนตร์ การดำเนินเรื่อง แสงสี นักแสดง ลงตัวออกมาพอเหมาะพอดี

 

 

ที่มีดารานำอย่างนักแสดงหนังอินดี้สมัยนั้นอย่าง แมทธิว โมดีน กับ วินเซน ดีโอโนฟริโอ้ และ บทที่น่าจดจำที่คือ จ่าจอมโหด ฮาร์ทแมน ที่รับบท อาร์ ลี เออมีย์ ที่แค่ฉากเปิดก็ทรงพลังแล้วครับ

เป็นหนังสงครามที่เสียดสีความบ้าสงครามของอเมริกาได้อย่างดีเยี่ยม คำพูดในหนังเรื่องนี้และการกระทำของตัวละครจิกกัดเสียดสีได้อย่างเจ็บแสบยิ่งฉากสุดท้ายของหนังแล้วมันเหมือน อเมริกา โดนตบหน้าหงายไปเลยทีเดียว

นี่เป็นหนังสงครามที่แอนตี้การทำสงครามครับ ซึ่งผมขอบอกหนังเรื่องนี้ เข้มข้น มากๆ แม้จะไม่ได้เป็นหนังสงครามที่มีฉากยิงกันทั้งเรื่องเลือดสาดกระจายเต็มไปหมดศพกองเลือดนองพื้น แต่มันเป็นหนังสงครามที่ดีที่สุดเรื่องเลยทีเดียว

ส่วนตัวผมชอบมากกว่า Saving Private Ryan อีกนะ ผมยกให้หนังสงครามเรื่องนี้อยู่ในลิสเดียวกับ Schindler’s List , The Deer Hunter, Apocalypse Now ของ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า , Paths Of Glory หนังสงครามที่แอนตี้สงครามอีกเรื่องของปู่คูบริก , Dr. Strangelove or: How I Learned to Stop Worrying and Love the Bomb หนังของปู่คูบริกที่พื้นหลังคือยุคสงครามเย็นที่เป็นหนังสงครามตลกร้ายสุดคลาสสิคครับ แนะนำว่าเพื่อนๆสายหนังสงคราม ที่ชื่นชอบเรื่องต่างๆ ที่ผมเคยรีวิว ต้องห้ามพลาดเรื่องนี้ครับ

 

รีวิว Full Metal Jacket-1

 

รีวิว Full Metal Jacket เนื้อเรื่องโดยย่อ

ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกนำเสนอถ่ายทอดผ่าน นาวิกโยธิน Joker (Matthew Modine) โดยแบ่งเวลาของเรื่องเป็นสองช่วง คือ Boot Camp เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในค่ายฝึก นับว่าเป็นช่วงที่ผมชอบมากกว่าตอนออกรบ เพราะเราเห็นนัยอะไรหลายๆ อย่างปรากฏขึ้นมาในช่วงของการฝึก การเปลี่ยนคนธรรมดาคนนึงให้กลายเป็นเครื่องจักรสังหาร ผ่านครูฝึกที่บทบาทเล่นได้อารมณ์มาก Hartman (R. Lee Ermey) เมื่อไรที่พูดเป็นด่า เป็นเหน็บ เป็นตะหวาดทั้งตลก ทั้งตลกร้าย ทั้งเจ็บแสบสรรค์

ฉากเปิดถึงความจำยอมในการตัดผมของทหาร ไปจนถึง นายทหารอุ้ยอ้าย ที่ทำอะไรไม่ค่อยจะได้ความได้เรื่อง กลัวความสูง อย่าง Pyle (Vincent D’Onofrio) ที่ถูกกดดันตั้งแต่การยิ้มก็จะโดนครูฝึกบีบคอ ปีนเครื่องกีดขวางก็ไม่ได้ ต้องอาศัย Joker คอยช่วย และ Pyle เองก็มักทำให้ เพื่อนๆ ในค่ายต้องโดนทำโทษ บ่อยเป็นประจำ

 

 

จนจุดพีค สะเทือนใจ ทำลายหัวใจเราจนแตกสลาย ของเรื่อง ที่ Pyle ทำผิดเรื่องแ อบเอาขนมเข้าโรงนอน (แค่นี้เอง)  ทำให้ทุกคนต้องโดนทำโทษ และ เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ Joker เองก็ลำบากใจ

ในคืนนั้นทุกคน เข้ามาล๊อคตัว Pyle แล้วรุมทุบในความมืด ไม่เว้นแม้แต่ Joker, และ Joker ต้องพยายามข่มตานอนหลับ โดยได้ยินเสียงร่ำไห้สะอื้นของ Pyle ทั้งคืน (เพื่อนคงแค้นแหละครับ เรื่องนี้สะท้อนถึงสภาพความเป็นอยู่ ของ ชนชั้นทหาร อย่างดี)

หลังจากคืนนั้น นาวิกโยธิน Pyle ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แม้แต่ Joker เองก็ยังต้องกลัว ทั้งพูดคุยกับปืน ทั้งแววตาและใบหน้าที่ถูกฉาบไปด้วยความโหดร้าย ไปจนถึงจุด Climax ของ Pyle ในวันที่ Joker ต้องเข้าเวรดึก

เป็นพาร์ทแรกที่ ทำให้เราเห็นว่า สงคราม พยายามเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นเครื่องสังหารเพื่อฆ่าคนในสมรภูมิ แต่ก่อนที่มันจะไปสมรภูมิ เราได้ฆ่ากันเองเรียบร้อยตั้งแต่อยู่ในค่าย อย่างที่ Pyle ทำกับ Hartman ซึ่งจริงๆแล้วก่อนหน้านั้น Hartman ต่างหากได้ฆ่าจิตวิญญาณของ Pyle ไปแล้วตั้งแต่ตอนฝึก รวมถึงทหารนวิกโยธินด้วยกันทุกคน ความกดดัน การฝึกหนัก และ การทำร้ายจิตใจนับเป็นสงครามในรูปแบบหนึ่งที่สามารถฆ่าคนคนนึงตายได้ทั้งทางจิตวิญญาณ และทางกายภาพจากการกระทำ ส่วนพาร์ท สองจะเป็นอย่างไรนั้น ผมขอไม่สปอยแล้วกันนะครับ อยากได้ให้ดูเอาเอง ที่ เว็บดูหนังฟรี

 

รีวิว Full Metal Jacket-2

 

ความคิดเห็นส่วนตัวหลังดู

ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นหนังสงครามที่ค่อนข้างจะแปลกใหม่ ส่วนมากเราจะเห็นหนังสงครามที่ บู้ล้างผลาญ ไม่ก็อวยประเทศตัวเองเอาใช่ไหมครับ อาจจะมีตีดราม่าความรักชาติ กับชีวิตทหารไรงี้ แต่เรื่องนี้ไม่เลย เป็นหนังสงครามที่สะท้อนความเน่าแฟะของสงครามอย่างแท้จริง ถ้าชอบแนวๆมีนี้ผมยังมีอีกหลายเรื่องครับ สามารถติดตามได้ที่ รีวิวหนังบู้