รีวิว Black Panther Party
ภาพยนตร์หยิบนำเหตุการณ์ลอบสังหารของ เฟรด แฮมป์ตัน นักขับเคลื่อนสิทธิพลเมืองผิวดำและรองประธาน Black Panther Party แห่งรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา ที่เกิดขึ้นในปี 1969 มาบอกเล่าให้ผู้คนทั่วโลกได้ชมผ่านจอภาพยนตร์
โดยได้ ไรอัน คูกเลอร์ ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ฝีมือเยี่ยมผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Black Panther (2018) มารับตำแหน่งโปรดิวเซอร์ร่วมกับ ชาร์ลส ดี. คิง จากภาพยนตร์ Fences (2016) และได้ ชากา คิง มานั่งแท่นกำกับภาพยนตร์ขนาดยาวเป็นเรื่องแรก
Black Panther Party คือองค์กรทางการเมืองที่ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1966 โดย ฮิวอี้ พี. นิวตัน และ บ็อบบี ซีล หลังจากเหตุการณ์ลอบสังหาร มัลคอล์ม เอ็กซ์ นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองที่เกิดขึ้นในปี 1965 โดยมีเป้าหมายเพื่อต่อต้านการใช้ความรุนแรง
ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีต่อชาวแอฟริกัน-อเมริกัน และตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุมชน ซึ่งมีบทบาทอย่างมากในช่วงปี 1966-1982 โดยในปี 1968 Black Panther Party เริ่มได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จนมีผู้เข้าร่วมเป็นสมาชิกมากกว่า 2,000 คนจากทั่วประเทศ ดูหนังออนไลน์ฟรี
ภาพยนตร์นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงของ วิลเลียม โอนีล (ลาคีธ สแตนฟิลด์) ชายหนุ่มผิวสีที่ยอมร่วมมือกับผู้อำนวยการหน่วย FBI เจ.เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ (มาร์ติน ชีน) ในการสวมรอยเข้าไปเป็นหนึ่งในสมาชิก Black Panther Party (BPP)
องค์กรที่คอยขับเคลื่อนสิทธิและเสรีภาพของคนผิวสีในอเมริกา ซึ่งมีบทบาทอย่างมากในช่วงปี 1966-1982 เพื่อจับตาดู เฟรด แฮมป์ตัน (แดเนียล คาลูยา) ประธานองค์กร Black Panther Party ประจำรัฐอิลลินอยส์ และร่วมวางแผนลอบสังหารเฟรดที่เกิดขึ้นในวันที่ 4 ธันวาคม 1969 ซึ่ง ณ เวลานั้นเฟรดมีอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น ดูหนังฟรี
รีวิว Black Panther Party เรื่องราวต่อไปของเขา
บิลถูกจับตัวไปเจอกับรอย ซึ่งรอยเป็น FBI เค้าถามบิลว่า ทำไมใช้ตราตำรวจ ไม่ใช้ปืนเหมือนพวกปล้นรถธรรมดา บิลตอบว่า เพราะถ้าโชว์ตราตำรวจ เราจะเหมือนมีกองทัพหนุนหลังอยู่ รอยจึงบอกว่า เค้ามีงานให้ทำ
ทางด้านเฟรด เฟรดทำงานเป็นรองประธานจากพรรคเสือดำ สาขาอิลลินอย ซึ่งวันนี้ เค้าได้กล่าวปราศรัยกับนักศึกษาในมหาลัย ซึ่งการกล่าวปราศรัยของเค้า คือการตำหนิผู้คน ทำให้หลายคนลุกออกจากห้องไป หลังจบการปราศรัย เดโบร่า นักศึกษาหญิงที่นั่งฟังปราศรัย เดินมาคุยกับเฟรด เธอแนะนำให้เฟรดเตรียมตัวก่อนกล่าวมาปราศรัยและอย่าโจมตีผู้อื่น เฟรดจึงตอบไปว่า เค้าพูดแต่ความจริง ไม่ต้องเตรียมตัวหรอก
หลังจากนั้น เฟรดกลับมายังที่ทำการพรรคเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของพรรคให้กับทางสมาชิกพรรค ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ บิล บิลได้ทำหน้าที่เป็นสายให้กับทางรอย เมื่อเวลาผ่านไปซักระยะ บิลขอให้รอยเอารถมาให้เค้าใช้เพราะเค้าจะได้เป็นคนขับรถให้กับเฟรด จะได้รู้ความลับมากขึ้น และอีกเหตุผลคือ เฟรดจะไม่ขับรถด้วยตนเองเพราะเค้ามักถูกตำรวจคอยกลั่นแกล้งตลอดเวลาจากการที่เค้าไปรณรงค์หาเสียงตามที่ต่าง รอยจึงให้รถไป
หลังจากได้รถแล้ว บิลจึงขับรถนำเฟรดไปที่ต่างๆ ซึ่งระยะนี้ เฟรดไปยังแก๊งค์ต่างๆ เพื่อสานสัมพันธ์แล้ววางแผนทำการบางอย่าง ซึ่งแก๊งค์เดอะ คราว คือแก๊งค์ใหญ่ของเมือง เฟรดก็ได้แก๊งค์นี้เป็นพรรคพวกด้วยเช่นกัน การดำเนินการต่างๆของเฟรด บิลคอยรายงานให้กับทางรายรู้ตลอด จนมีวันหนึ่ง หลังจากพบกับแก๊งค์เดอะ คราว มีหนึ่งในสมาชิกของเดอะ คราว จำได้ว่าบิลเคยขโมยรถ ทำให้คืนนั้น บอดี้การ์ดของเฟรด นำปืนมาจ่อที่หัวของบิลและบอกให้เล่าเรื่องที่ขโมยรถมาทั้งหมด บิลจึงบอกว่า เค้าเคยปลอมเป็น FBI แล้วขโมยรถคนอื่นโดยรถที่ขโมยมาได้นั้น เค้าจะจั้มสายไฟเพื่อสตาร์ทรถ เธอจึงขอให้บิลจั้มสายไฟสตาร์ทรถเพื่อแน่ใจว่าเป็นเรื่องจริง บิลจึงจั้ยสายไฟให้ดู ปรากฏว่ารถติด เธอจึงไม่สงสัยในตัวบิล
หลังจากนั้น เฟรดและเดโบร่าเป็นแฟนกัน ด้วยความใกล้ชิด เฟรดได้เดินทางพบกลุ่มต่างๆ เพื่อสานสัมพันธ์ โดยไม่จำกัดแค่กลุ่มคนผิวสี ทำให้ตอนนี้ เค้ามีพรรคพวกอยู่ทั่วเมือง ทาง FBI เห็นท่าไม่ดี จึงยัดข้อหาให้กับเฟรด เฟรดจึงต้องติดคุกเป็นเวลา 5 ปีด้วยกัน ซึ่งระหว่างที่ติดคุกนั้น พรรคเสือดำเริ่มตกต่ำลง สมาชิกเริ่มลาออก เงินบริจาคได้น้อยลง แต่บิลก็ยังต้องอยู่ในพรรค จนมีวันหนึ่ง หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยจากอีกเมืองมาหลบที่สาขาอิลลินอย บิลเลยถามว่า ทำไมอยู่ที่นี่ เค้าบอกว่า เค้าจับสายตำรวจได้ ตอนนี้ฆ่าสายตำรวจไปแล้ว เค้าเลยมาหลบที่สาขานี้เพื่อหนีไปเมืองอื่น เมื่อบิลรู้เรื่องนี้ เค้าจึงรีบไปพบรอย เพื่อถามว่า มีใครรู้ว่าเค้าเป็นสายให้ตำรวจอีกไหม รอยจึงตอบว่า มีแค่หัวหน้าเค้าและเค้าเท่านั้นที่รู้ บิลจึงเล่าเรื่องสายตำรวจที่ถูกฆ่า รอยจึงถามข้อมูลของคนที่ฆ่าสายตำรวจเพื่อจับกุม
ผลงานของภาพยนตร์
ภาพยนตร์เรื่องนี้เดินหน้ากวาดรางวัลเต็มตัวเลยครับ โดยสามารถคว้ารางวัลไปแล้ว 5 รางวัล จากเวทีชั้นนำของวงการภาพยนตร์ อาทิ BAFTA, GOLDEN GLOBES, SAG AWARDS และ CRITICS CHOICE AWARDS และ ยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 93 อีกด้วย ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกด้วย นอกจากนั้นนักแสดงอย่าง แดเนียล คาลูยา ยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเช่นกัน ในสาขา นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมอีกด้วยครับ
ขึ้นแท่นหนังคุณภาพอย่างเป็นทางการ การันตรีด้วยผลงานรางวัลอคาเดมี่อวอร์ดส์หรือตุ๊กตาทองออสการ์ประจำปีล่าสุด 2021 กับภาพยนต์เรื่องเยี่ยมJudas and the Black Messiah (2021) จูดาส แอนด์ เดอะ แบล็ก หนังดราม่า จากชีวิตจริงหนังดีๆ
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่ายังมีคนอีกไม่น้อยที่คิดในทางตรงกันข้าม และความเชื่อทั้งสองรูปแบบนั้นก็เข้าห้ำหั่นกันมาเป็นระยะเวลานานแสนนาน ทุกสิ่งยิ่งร้ายแรงขึ้นเมื่อความไม่เท่าเทียมนั้น ผลักให้เหตุการณ์ทั้งหลายรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ชีวิตถูกนำมาใช้เป็นเครื่องต่อรองระหว่างอำนาจ และเมื่อการพูดคุยไม่อาจเป็นทางออกได้อีกต่อไป ต่างฝ่ายต่างก็งัดอาวุธสำคัญของตัวเองออกมาใช้ ฝ่ายหนึ่งใช้จำนวนและความเชื่อใจของผู้คน เว็บดูหนังฟรี
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากเรื่องจริงของ บิล โอนีล, เฟรด แฮมป์ตัน, เดโบราห์ จอห์นสัน และรอย มิตเชลล์ สี่ตัวละครหลักที่ชักโยงเรื่องราวการต่อสู้ทางอุดมการณ์, การเมือง, อำนาจ และการทรยศ จุดเริ่มต้นจากการกระทำผิดที่ขาดความยั้งคิด โดยพื้นฐานมาจากระบบที่ผลักดันความไม่เท่าเทียม นำไปสู่การแฝงตัว และกลายเป็นการจุดประกายไฟ ที่ภายหลังโหมแรงจนทำลายล้างทุกสิ่ง ในขณะเดียวกันก็ฉายแสงแห่งความเหลื่อมล้ำที่เปิดเปลือยทั้งระบบให้แผ่กว้าง สปอยหนังบู้
ต่ก็สมเหตุสมผลเมื่อหันมามองช่วงเวลาที่ดำเนินมาถึงปัจจุบัน กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ สะท้อนชัดเจนว่าการต่อสู้นั้นยังไม่จบลง ท้ายที่สุดแล้วมันอาจจะไม่มีอุดมการณ์ไหนเลยที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่ควรจะถูกต้องที่สุดในทุกสถานการณ์ก็คือ ความรุนแรงและการคร่าชีวิตใครไม่ควรเป็นสิ่งเติมเต็มความชอบธรรมให้อุดมการณ์ไหนทั้งสิ้น
ถ้าไม่มีเพื่อนๆ นักแสดงคนอื่นช่วยไว้ การแสดงของเขาทำออกมาได้ดี แต่ยังไม่ถึงกับสมบูรณ์แบบ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบทที่ยังขาดมิติในหลายๆ ส่วนไปอยู่
โดยภาพรวมแล้ว Judas and the Black Messiah ก็ยังจัดว่าเป็นเชิงประวัติศาสตร์ที่ทรงพลัง เพียงแต่หนังยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบขนาดนั้น หนังยังพบเห็นช่องโหว่รายทางไปตลอดทั้งเรื่อง มุมมองการถ่ายทอดชิ้นงานของผู้กำกับ “ชากา คิง” ก็ค่อนข้างดี แต่ยังไม่ค่อยคมคายสักเท่าไหร่ กลายเป็นเหมือนความโดดเด่นที่ยังเปล่งประกายได้ไม่เท่าที่ควร รีวิวหนังออนไลน์