รีวิว In for a Murder
หนังสืบสวนปนคอมเมดี้จากโปแลนด์ว่าด้วยเรื่องราวของ แมดจา หญิงวัยกลางคนที่ยอมลาออกจากงาน มาเป็นแม่บ้านดูแลครอบครัว ซึ่งอาศัยอยู่ในชุมชนเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง แมดจาดำเนินชีวิตแม่บ้านที่แสนเรียบง่ายจนน่าเบื่อนี้มาหลายปี จนกระทั่งเย็นวันหนึ่งเธอได้พบศพของหญิงสาวในสวนสาธารณะโดยบังเอิญและกลายเป็นพยานสำคัญในคดี ด้วยความที่แมดจาเป็นแฟนหนังสือสืบสวนสอบสวนตัวยง เธอจึงร่วมมือกับเพื่อนเก่าที่เป็นตำรวจในการสืบหาความจริงของคดีฆาตกรรมครั้งนี้ ซึ่งอาจเกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพลของเมืองก็เป็นได้ ดูหนังออนไลน์
ได้เผยเรื่องราวของ “ซินโทเอีย (หรือซินเทีย) บราวน์” หญิงสาวที่ย้อนไปเมื่อตอนที่เธอได้ก่อคดีรุนแรงใช้อาวุธปืนฆ่าชายที่ซื้อบริการเธอมาพร้อมชิงทรัพย์และขโมยรถด้วย “วัยเพียง 16 ปี” ในรัฐเทนเนสซี ประเทศอเมริกา รัฐนี้แตกต่างไปจากทุกรัฐสำหรับคดียาวชนเพราะในกรณีของเธอถือเป็นการทำผิดร้ายแรงจึงทำให้เธอถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตด้วยวัยเพียง 16 ปี ติดตามดูหนัง เรื่องนี้ที่ ดูหนัง
ภาพยนตร์สืบสวน คอมเมดี้ ดราม่า สัญชาติโปแลนด์ สร้างจาก หนังสือแนวสืบสวนของ Katarzyna Gacek กำกับโดย Piotr Mularuk นักแสดงนำโดย อันนา สโมโววิก, พาเวล โดมากาวา, ซีมอน โบบรอฟสกี
สิ่งที่ต้องขอบคุณเลยก็คือนักข่าวคนหนึ่งที่คอยบันทึกบทสภาพตามติดชีวิตของ “ซินเทีย” ตลอดระยะเวลาที่เธอติดคุกยาวนานถึง 7 ปี จนมันกลายเป็นหัวใจสำคัญและหลักฐานการเปลี่ยนไปของตัวเธอที่ทำให้คนทั้งโลกได้เห็นสิ่งที่เธอควรจะได้รับอีกครั้งนั่นคือโอกาสที่จะได้ออกมาใช้ชีวิตนอกรั้วเหล็ก
ชีวิตของ “ซินเทีย” ถ้าคุณได้ไปรับชมต้องบอกว่ามันบัดซบยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าอีกนะครับ เธอทั้งขายบริการ เสพยา ไม่มีพ่อแม่เลี้ยงดู หยาบคาย สถุน แถมแม่จริง ๆ ของเธอก็ไม่ได้แตกต่าง ยายของเธอจากคำบอกเล่าจากแม่ของเธอก็ไม่ได้แตกต่างเรียกว่าอย่างกับโดนคำสาบทั้งตระกูลให้ผู้หญิงบ้านนี้ต้องเหลวแหลกไร้อนาคต
หนังเน็ตฟลิกซ์เรื่องนี้เป็นผลงานของผู้กำกับชื่อไม่ค่อยดังอย่าง ไคล์ เนวาเช็ค ที่เคยมี ผลงานซีรีส์ สร้างชื่ออยู่บ้างอย่าง Community ทางช่อง NBC ที่ทำให้เขาได้รางวัลสายการกำกับซีรีส์ตลกจากสมาคมหนังและซีรีส์ออนไลน์ หรือ OFTA Awards 2012 และยังได้มือเขียนบทอย่าง เจมส์ แวนเดอร์บิลต์
จากหนัง The Amazing Spider-Man (2012) และ White House Down (2013) ที่น่าจะเป็นตัวตั้งตัวตีสำคัญร่วมกับ อดัม แซนด์เลอร์ ในการสร้างหนังเรื่องนี้ โดยยังได้ดึงดาราชั้นนำมาร่วมได้อีกหลายคนทั้ง เจนนิเฟอร์ อนิสตัน ที่จำไม่ได้แล้วว่าหนังดังเรื่องสุดท้ายคือเรื่องอะไร แต่หน้าเธอก็ยังคงขายได้อยู่เรื่อย ๆ ยิ่งมาทางหนังตลกที่เธอสร้างชื่อขึ้นมาด้วยแล้ว และ ลุค อีแวนส์ ที่ให้เห็นหน้าเห็นตาในหนังดังอยู่เรื่อย ๆ และปลายปีนี้เตรียมเจอเขาในหนังสงครามโลกของ โรแลนด์ เอ็มเมอริช ใน Midway ด้วย
รีวิว In for a Murder เนื้อเรื่องโดยย่อ
แมดจา หญิงกลางคนที่ยอมทิ้งงานและความมั่นคงเพื่อมาเป็นแม่บ้านให้กับลูก ๆ ทั้งสองและดูแลสามีสุดห่วยอย่างโธมัสในชุมชนเมืองเล็ก ๆ แต่เธอก็ไม่เคยตอบโต้หรือคิดจะเรียกร้องอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้กลายเป็นพยานคนสำคัญในคดีฆาตกรรมที่อาจสั่นคลอนทั้งเมือง แต่ด้วยความรู้จากนิยายสืบสวนที่เธออ่านมาตั้งแต่เด็ก รีวิวหนังบู้ออนไลน์
เธอได้ร่วมมือกับ เจสัน สารวัตรและเพื่อนที่โตมาด้วยกันออกสืบหาความจริงของเบื้องหลังคดีฆาตกรรมที่มีจุดเชื่อมโยงกับปมในอดีตของเธอที่ทำให้เธอไม่กล้ายืดหยัดด้วยตัวเอง ท่ามกลางสถานการณ์ของเธอที่ไม่สู้ดี ทั้งการงาน ครอบครัว และจิตใจของตัวแมดจาเอง
ทว่าจะห่วงเรื่องนั้นก็คงจะเร็วไปหน่อย เมื่อพ่วงมาด้วยบุคคลผู้ต้องสงสัยมากมายที่ต้องการจะฆ่าเธอปิดปากไม่ให้เธอสืบสาวเข้าหาความจริง คราวนี้จึงถึงเวลาที่แมดจาต้องเปลี่ยนบทบาทจากแม่บ้านมาเป็นนักสืบจำเป็นเพื่อปกป้องชีวิตและความจริงของเธอ
แน่นอนว่าตลอดการดำเนินเรื่องจะเน้นไปที่การต่อสู้คดีของเธอเพื่อที่จะขออภัยโทษเพื่อให้เธอมีโอกาสได้ออกมาใช้ชีวิตนอกรั้วก่อนจะหมดลมหายใจ เราจะได้เห็นว่าเพราะเธอคนนี้ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องกฎหมายสำหรับผู้หญิงที่ค้าประเวณีโดยเฉพาะเมื่อเจอเหตุการณ์เลวร้าย การตัดสินโทษการใช้หลักฐานที่สุดแสนจะช็อคคนดูอย่างเรื่อง “การส่งต่อความชั่วร้ายทางพันธุกรรม” ผมก็พึ่งเคยได้ยินว่า เห้ย!!! เกิดขึ้นได้จริง ๆ หรอวะเนี่ย และนี่คือหนึ่งในเห็นผลสำคัญเลยละของเรื่องราวการต่อสู้ของเธอ (คือต้องให้ทุกคนไปติดตามดูเองว่าไอความชั่วร้ายที่ส่งต่อทางพันธุกรรมมันคืออะไร)
ยอมรับเลยว่าตอนเริ่มเรื่องก็เปิดมาชวนให้ติดตามมากใคร ทำไม อย่างไร ในขณะเดียวกันก็เดินเรื่องให้เห็นชีวิตของตัวละครหลักที่คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีเหตุการณ์สำคัญเข้ามาดื้อ ๆ พร้อมด้วยมุกตลกแนวตัวละครจำมาจากนิยายสืบสวนเรื่องนี้ที่เอาไว้ใช้ตอกหน้าการสืบสวนจริง ๆ และมีการพาเราไปพบกับตัวละครมากมายที่ทั้งน่าสงสัยและไม่น่าสงสัย เป็นตัวหลอกชวนให้เราลุ้นว่าความจริงคืออะไร แต่ปัญหาคือ ช่วงหลังจากช่วงต้นเรื่อง หนังก็วนเวียนอยู่กับปมของตัวละครหลักที่พยายามยึดโยงกับคดีฆาตกรรม สลับกับความลับของตัวละครหลักที่คอยแต่เล่นมุกที่เหมือนก๊อปพวกนักสืบสมัยใหม่ที่ชอบเล่นกันแล้วหนังก็เป๋ไปกันใหญ่
เมื่อชั้นเชิงในการนำเสนอในช่วงหลังจากนี้ทั้งเอื่อยเฉื่อยและน่าเบื่อเอามาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวละครต่าง ๆ แต่ก็ยังอยากรู้ว่าหนังจะมีอะไรเซอร์ไพรส์เพิ่มมั้ย ไม่มีเลยครับ มันเห็นชัดตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแล้วว่าใครเป็นคนร้าย แต่ค่อยมาเฉลยปมให้ดูฉลาด ผสมฉากสัญญะให้ดูว่ามันเท่นะ แต่ช่วงสุดท้ายหนังคือปวกเปียกสุด ๆ ทั้งบทสรุปที่ตัดจบง่าย ๆ ฉากเผชิญคนร้ายที่คาดหวังให้จริงจัง ก็ดันไม่จริงจังจนต้องเรียกว่าอีหยังวะ ฉากแอ็คชั่นเท่ ๆ ที่ใส่มาผิดจังหวะให้ดูมีอะไร ดูมีสไตล์ แต่หนังไม่ได้โฟกัสคดีฆาตกรรมแบบที่หนังควรจะเป็นน่าผิดหวังและเสียดายเวลามากครับ
ความประทับใจและความคิดเห็นหลังดูจบ
เปิดเริ่มเรื่องมา ก็ชวนให้ติดตามมาก ในขณะเดียวกัน ก็เดินเรื่อง ให้เห็น ชีวิตของ ตัวละครหลัก ที่คาดไม่ถึง เลยว่า จะมีเหตุการณ์ สำคัญ เข้ามาดื้อ ๆ พร้อมด้วย มุกตลก แนวตัวละคร จำมาจาก นิยายสืบสวน เรื่องนี้ ที่เอาไว้ ใช้ตอกหน้า การสืบสวนจริง ๆ และมีการ พาเรา ไปพบ กับตัวละคร มากมาย ที่ทั้งน่าสงสัย และไม่น่าสงสัย เป็นตัวหลอก ชวนให้เรา ลุ้นว่า ความจริง คืออะไร แต่ปัญหา คือ ช่วงหลัง จากช่วงต้นเรื่อง หนังก็ ยังวนเวียน อยู่กับ ปมของตัวละครหลัก ที่พยายาม ยึดโยง กับคดีฆาตกรรม สลับกับ ความลับ ของตัวละครหลัก ที่คอย แต่เล่นมุก ที่เหมือนก๊อป พวกนักสืบ สมัยใหม่ ที่ชอบเล่นกัน แล้วหนัง ก็เป๋ไป กันใหญ่ เมื่อชั้นเชิง ในการนำเสนอ ในช่วงหลัง จากนี้ ทั้งเอื่อยเฉื่อย และน่าเบื่อ เอามาก ๆ
ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของ ตัวละครต่าง ๆ แต่ก็ยัง อยากรู้ว่า หนังจะมีอะไร เซอร์ไพรส์ เพิ่มมั้ย แต่ก็ไม่มีเลย มันเห็นชัด ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแล้ว ว่าใคร เป็นคนร้าย แต่ค่อยมาเฉลยปม ให้ดูฉลาด ให้ดูว่าเท่
อยากให้ทุกคนได้รองรับชมดูนะครับ มันเติมพลังบวกบางอย่างเหลือเกินให้ชีวิตการให้อภัยกับคนที่สมควรจะได้รับสำคัญมากจริงๆ เราทุกคนควรได้รับโอกาสได้แก้ตัวสักครั้งถ้าเขาสมควร… “ซินโทเอีย บราวน์” เป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ ให้เราทุกคนหันมาใส่ใจคนรอบข้างเราให้มากขึ้น
ประเด็นสำคัญของเรื่องคงเป็นเรื่องของความลับไม่มีในโลก ทุกคนมีความลับแต่ไม่คิดบ้างเลยเหรอว่ามันจะต้องเปิดเผยออกมา อยู่ที่ว่าเราจะรับมือยังไง จะปิดบังต่อไปก็ได้ แต่ก็รับผลที่เกิดขึ้นอย่างมากมายในภายหลัง หรือจะยอมรับและหาทางอยู่กับมัน เราไม่ได้รู้จักคนทุกคน หรือ แม้แต่ตัวเอง เพราะงั้นอย่าคาดหวังว่าเราจะรู้จักอะไรมากพอแล้ว ต้องใช้คำว่าต้องรู้มากกว่าอีก
บางครั้งการตัดสินใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเราก็ควรจะคิดให้ดี ไม่งั้นจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเหมือนตัวละครหลัก ความสัมพันธ์ที่ไม่มีความเข้าใจไม่มีทางไปกันรอด ไหนจะเรื่องความสัมพันธ์ที่สามีไม่ควรบงการให้ภรรยาทำตามที่ตัวเองต้องการเพื่อจะทำเรื่องแย่ ๆ แต่ควรให้เกียรติ ไม่ว่าจะยังรักหรือไม่รักก็ตาม ไม่ควรไปนอกใจถ้าไม่ได้รับการยินยอม และที่สำคัญ เราต้องกล้าที่จะก้าวข้ามความกลัวเพื่อจะได้ใช้ชีวิตสังคมได้อย่างมีความสุขและเป็นอิสระ รีวิวหนังอาชญากกรม