รีวิว Spider-Man: Into the Spider-Verse เป็นภาพยนตร์อนิเมชันจาก โซนี่ ที่บอกได้เลยว่า มันเป็น สไปเดอร์แมน ฉบับการ์ตูนที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้หนังเป็นการพูดถึงเรื่องราวของ ไมลส์ โมราเลส เด็กผิวสีนักเรียนธรรมดาที่มีความฝันและอยากเดินตามฝันของตัวเอง แต่ยังคงต้องอยู่ในการดูแลของคุณพ่อ จนอยู่มาวันนึงเขาได้ไปโดนแมงมุมอาบรังสีกัด ทำให้ไมล์ค้นพบว่าเขามีพลังแบบสไปเดอร์แมนฮีโร่ที่คอยปกป้องและพิทักษ์เมืองของเขาอยู่เสมอไมล์ค้นพบว่า จอมวายร้ายวางแผนการสร้างสิ่งประดิษฐ์อะไรบางอย่าง ที่หากเค้าทำได้สำเร็จจะทำให้บ้านเมืองของเขาพังพินาศและมีคนบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ดูหนัง

เขาต้องฝึกฝนและพัฒนาการใช้พลังของตัวเอง พร้อมกับหยุดแผนการอันชั่วร้ายนี้ให้ได้ และเขาคิดว่าตัวเองคือสไปดี้เพียงหนึ่งเดียว แต่ผิดคลาดเมื่อได้เกิดเหตุการณ์ระเบิดของเครื่องเร่งอนุภาคโดยฝีมือตัวร้าย คิงพิน ไมล์ได้พบกับกลุ่มคนที่มีพลังเหมือนตัวเองจากมิติอื่น โดยมีผู้ใช้พลังแมงมุมจากจักรวาลอื่นๆคอยช่วยเหลือเพื่อหยุดมหันตภัยอันใหญ่หลวงของโลกในทุกมิติ ภารกิจรวมทีมสไปเดอร์แมนสุดวุ่นวายจากหลากจักรวาล เพื่อหยุดแผนของวายร้ายคิงพินจอมอ้วนหน้ากวนๆ จึงถือกำเนิดขึ้น
สำหรับตัวร้ายของภาคนี้ได้แก่คิงพินซึ่งเชื่อว่าหลายคนรู้จักเขาดีอย่างแน่นอน ในภาคนี้เขาร่วมมือกับ Doctor Octopus เพื่อสร้างเครื่องเร่งอนุภาคที่จะนำครอบครัวของเขากลับมาจากความตาย แต่เรื่องราวมันไม่ง่ายขนาดนั้นเมื่อสิ่งที่พวกเขาทำ ทำให้หลายๆมิติผิดพลาดทำให้สไปเดอร์แมนต้องยับยั้งการกระทำนี้และแน่นอนศึกหนักต้องตกมาอยู่ในความรับผิดชอบของไมลส์โมราเลส
และไมลค์ต้องควบคุมพลังที่ยากลำบาก โดยปกติที่เราดูสไปเดอร์แมน ไม่ว่าจะภาคของโทบี้ ภาคของแอนดรูว์ ภาคของทอม แล้วจะเห็นว่าหลายๆปีเตอร์ปาร์คเกอร์สามารถควบคุมพลังของตัวเองได้อย่างง่ายได้ แต่การควบคุมพลังง่ายๆแบบนี้แต่มันไม่ใช่กับไมลส์โมราเลสอย่างแน่นอน ซึ่งในภาพยนตร์เราจะได้เห็น การค่อยๆเติบโตของไมลส์จากเด็กธรรมดาคนหนึ่งกลายเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ใต้หน้ากากสุดเท่ห์อย่าง สไปเดอร์แมน
เหล่ากองทัพสไปเดอร์แมนหากคุณคิดว่าสไปเดอร์แมน นั้นมีได้เพียงคนเดียวขอบอกเลยว่าคุณกำลังเข้าใจผิด เพราะภาพยนตร์อนิเมชันฉบับนี้ได้เล่าเรื่องราวของสไปเดอร์แมนในจักรวาลอื่น ดังนั้นคุณจะได้เห็นสไปเดอร์แมนนอกเหนือจาก ปีเตอร์ปาร์คเกอร์อย่างแน่นอน และคุณจะต้องตกหลุมรักในตัวละคร สไปเดอร์แมน จากต่างมิติเหล่านี้แน่ๆ
และการไม่สามารถช่วยทุกคนได้ สำหรับฉบับอนิเมชันนี้บอกได้เลยว่าความสูญเสียสำหรับ สไปเดอร์แมนนั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะไม่ว่าจะเป็นฉบับไหนๆสไปเดอร์แมนจะต้องสูญเสียสิ่งสำคัญของตัวเองไปเสมอ แต่สิ่งทีแตกต่างออกไปไม่เหมือนภาคอื่นคือ สไปเดอร์แมนฉบับไมลส์โมราเลสจะรับมือกับความสูญเสียแบบไหน เพราะตัวเขาเองถือว่ายังเป็นเด็กอายุน้อยมากๆน่าจะน้อยที่สุดในบรรดาเหล่าไอ้แมงมุมแล้วแหละ
นอกจากเรื่องของซุปเปอร์ฮีโร่แล้วยังมีอีกสิ่งนึงที่ลำบากใจ พ่อของไมลส์เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เคร่งครัดกฎและแม่ของเขาก็เป็นพยาบาลผู้อุทิศตนกับงาน ทั้งคู่เค้ารักและภูมิใจกับความสำเร็จของลูก พวกเขาต้องการให้ลูกของเขาประสบความสำเร็จในโรงเรียนแห่งใหม่ที่เต็มไปด้วยเด็กมีพรสวรรค์ อย่างไรก็ดี การปรับตัวให้กับเข้ากับโรงเรียนใหม่กลับเป็นเรื่องยากสำหรับไมลส์ ผู้อยากจะใช้เวลากับเพื่อนๆ ในละแวกบ้านของเขาหรือไปเยี่ยม แอรอน ลุงของเขา
ที่สนับสนุนพรสวรรค์ของเขาฐานะนักวาดภาพกราฟิตี้ แม้ว่าไมลส์จะเทิดทูนแอรอน ลุงเจ้าเสน่ห์ของเขาก็เป็นตัวละครที่ค่อนข้างจะซับซ้อน ผู้เคยมีปัญหากับพวกผู้รักษากฎหมายในอดีตและพ่อของเขาก็ยังไม่ชอบ สไปเดอร์แมนมากๆ และเค้าจะจัดการและจะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไรลองไปรับชมกันครับ ดูหนังออนไลน์
รีวิว Spider-Man: Into the Spider-Verse

คนที่1. ไมลส์ โมราเลส สไปเดอร์-แมนเชื้อสายอเมริกัน-แอฟริกัน-เปอร์โตริกัน คนแรกของจักรวาลมาร์เวลที่สามารถล่องหน และใยแมงมุมที่ยิงกระแสไฟฟ้าได้
คนที่2. สไปเดอร์-เกว็นสาววัยรุ่นขาลุยและรักความยุติธรรมอันเป็นผลจากการที่เธอเป็นคนที่โดนแมงมุมอาบกัมมันตภาพรังสีกัดแทน”ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์”และเสียชีวิตเพราะเธอ!! เช่นกัน
คนที่3. ปีเตอร์ปาร์คเกอร์สไปเดอร์-แมนที่เรารู้จักกันดีแต่ในภาคนี้เขาคือผู้ใหญ่เฟอะฟะและเฉื่อยชาหมดกำลังใจในการทำหน้าที่ซูเปอร์ฮีโร่ แต่ก็ได้ทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนให้สไปเดอร์-แมนมือใหม่อย่างไมล์โมราเลสที่ช่วยจุดไฟของเขาในการปกป้องความยุติธรรมคืนกลับมา
คนที่4. สไปเดอร์-แมนนัวร์สไปเดอร์-แมนนักสืบ ฮีโร่สายดาร์คแห่งจักรวาลมาร์เวล ที่นอกจากจะใช้พลังแบบไอ้แมงมุมคนอื่นๆยังปืนเป็นอาวุธที่นอกจากจะใช้ปะทะกับเหล่าอาชญากรในนิวยอร์กแล้ว และกองทัพนาซีที่แฝงตัวเข้ามาในอเมริกา
คนที่5. เพนีปาร์คเกอร์กับหุ่นยนต์ SP เด็กสาวญี่ปุ่น วัยรุ่นที่ขับหุ่นยนต์ เธอรับช่วงดูแลเกราะเหล็กนี้มาจากผู้เป็นพ่อที่เสียชีวิตไปอย่างลึกลับ และเธอยินดีให้แมงมุมอาบกัมมันตภาพรังสี ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของ กัด เพื่อให้ขับหุ่นได้อย่างคล่องแคล่ว
คนที่6. ปีเตอร์พอร์คเกอร์สไปเดอร์หมูที่มาจากจักรวาลEarth-8311หรือLarval Earthโลกที่สรรพสัตว์ทั้งหลายยืนสองขาและพูดได้ แต่สาเหตุที่แมงมุมหนุ่มกลายร่างเป็นหมู ก็เพราะถูกหมูกัด แต่เมื่อยังมีพลังสไปเดอร์อยู่ จึงตัดสินใจทำหน้าที่ปราบปรามเหล่าร้ายอภิบาลคนดีในฐานะ Spider-Ham
เรื่องย่อ
นับว่าเป็นยุคกอบโกยของ Spider-Man จริงๆ หลังจากที่ทาง Marvel สร้าง Spider-Man คนใหม่ขึ้นมาใน The Avengers แล้วก็ต่อด้วย Homecoming ออกมาแล้วกระแสตอบรับโคตรดีจนต้องรีบเดินหน้าสร้าง Far From Home ต่อเนื่อง แต่ก่อนจะพบกับภาคใหม่ ทาง Marvel ก็ปล่อย Into the Spider-Verse ออกมาให้หลงใหลกับอีกตัวตนหนึ่งของไอ้แมงมุมในชุดสีดำขลิบแดงกันก่อน โดยมาเป็นรูปแบบ Animation แทนที่จะเป็นคนแสดง
ตอนต้นของหนังจะพาเราไปรู้จักกับการเรียนรู้ระหว่าง ไมลส์ และ Peter B. ก่อนหนังจะส่ง Gwen และคนอื่นตามมา หนังพยายามทำให้ ไมลส์ มีความเป็นเด็กที่ยังไม่รู้จักตัวตนของตัวเองให้ชัดเจนเพื่อจะปูไปตอนท้ายเรื่องที่พอเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วจะเห็นผลชัดมาก ซึ่งตรงนี้ก็ทำให้เราลุ้นไปกับตัวละครว่า สุดท้ายแล้วจะจบแบบไหน ซึ่งถึงจะรู้อยู่แล้ว แต่ก็อดลุ้นไม่ได้อยู่ดี
เนื่องจากเป็นแนวการ์ตูน แต่เรื่องงานภาพมีการใช้ animation 2D บวกกับภาพซ้อนแบบ 3D เข้ามาผสมผสานกัน บวกกับพวกตัวหนังสือข้อความในแบบของการ์ตูน Comic มาเสริมอารมณ์ร่วมตลอดเวลา มันทำให้เราได้อารมณ์ของหนังการ์ตูนไปอีกแบบ การเคลื่อนไหวของภาพทำให้เนียนตากว่าการใช้คนแสดงแล้วใช้ CG ช่วยซะอีก มันเลยทำให้ฉากต่อสู้ถึงจะไม่ได้ดูอลังการเท่าหนังคนแสดง แต่ความมันส์ต้องบอกว่าไม่ได้ด้อยกว่าเลย
ในส่วนของตัวร้ายของภาคนี้ก็น่าสนใจ ตอนแรกก็คิดว่าจะมี Green Goblin ออกมาเป็นหลัก แต่กลับกลายเป็น คิงพิน และ ดร.อ็อก ในเวอร์ชั่นผู้หญิงออกมาเป็นตัวร้ายหลักที่ร้ายกาจมาก บวกกับความร้ายกาจและหักมุมของตัวละคร Prowler ที่หนังทำให้อึ้งไปเลย แต่ละตัวละครดูมีเสน่ห์แตกต่างกันไป
ทางด้านของตัวเอกก็ถือว่ามีมิติอยู่ แต่ตัวละครที่สำคัญๆ คงมีแค่ Peter B. Parker, Gwen และ ไมลส์ ส่วน Spider-Nior, Peni, Spider-Ham ยังไม่ค่อยมีบทบาทอะไรมากมายเท่าไหร่ ซึ่งที่ผมชอบและเสียดาย คือ Spider-Nior ที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองที่สุด แต่บทก็ด้อยที่สุดเช่นกัน
สำหรับผมแล้วหนังเรื่องนี้ถือว่าเป็นหนัง Spider-Man ที่แปลกและไม่เหมือนใครในส่วนของความเป็นตัวตนของ ไมลส์ และการเรียนรู้ไปกับตัวเอกของเราตลอดทั้งเรื่อง ถึงเส้นเรื่องการกลายมาเป็น Spider-Man ที่ดีมันจะคล้ายๆ กันกับที่ผ่านๆ มา คือเด็กเริ่มโต แต่การโตของ ไมลส์ มันแตกต่างตรงที่เขาโดตตามไอดอลและมีเทรนเนอร์ที่ดี ซึ่งมันก็ทำให้เราเห็นพัฒนาการของ Spider-Man คนนี้ในอีกรูปแบบที่น่าสนใจและสนุกมากๆ

รีวิว Spider-Man: Into the Spider-Verse
นี่คือหนังสไปเดอร์แมนที่ดีที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลยก็ว่าได้ เพราะหนังเรื่องนี้อัดแน่นไปด้วยความสนุก ความมันส์ ความสวยงาม และมีเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม ดีงามมากๆ ดูจบแล้วประทับใจในทุกภาคส่วนจนอยากดูซ้ำเลยทีเดียวหนังเรื่องนี้เหมือนรวมเอาจุดเด่นของ หนังสไปเดอร์แมนในแต่ละเรื่องมารวมกันในหนังเรื่องนี้ คุณจะได้เห็นสไปเดอร์แมนในหลากหลายมุมมอง จากหลากหลายตัวละครในเรื่อง ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ช่วงพีค ช่วงเก่ง หรือช่วงล้มเหลว
มันผสมผสานระหว่างความ 2D แบบคอมิกส์กับเอฟเฟคและรายละเอียดแบบ 3Dได้ลงตัวงานภาพและลายเส้นทำออกมาสวยงดงาม และมีเอกลักษณ์มาก ได้ลงตัว ดีมาก สวยมาก เป็นจุดเด่นที่สุดของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ดนตรีประกอบ เป็นเสมือนตัวแทนและตัวช่วยในการขับเล่าเรื่องราวของหนังให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น ตรงจุดนี้ถือว่าทำหน้าที่ของมันได้ดีมากจริงๆ
มุกตลกที่สอดแทรกมาตลอดทั้งเรื่อง ทั้งมุกทั่วไปได้ขำได้ยิ้มมุมปากกับมุกตลกสำหรับสาวกคอมิกส์และสไปเดอร์แมนที่ทั้งปั่น ทั้งล้อ จนฮาสุดๆ หนังเรื่องนี้ต้องใช้คำว่าครบรส ทั้งสนุก ฮา ซึ้งความหลากหลายในด้านอารมณ์ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หนังกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น
สรุป
โดยรวมแล้วหนัง Spider-Man Into the Spider-Verse เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นซุปเปอร์ฮีโร่ที่สนุกตื่นตา และสมบูรณ์แบบ และยังเป็นภาพยนตร์อนิเมชันที่นั่งดูแล้วรู้สึกว่าเพลิดเพลินอย่างมากเรื่องราวของสไปเดอร์แมนที่เล่าผ่านตัวละครอย่าง Miles Morales ทำออกมาได้ลงตัวอย่างมาก ดูแล้วรู้สึกชอบแบบสุดๆ ภาพยนตร์อนิเมชันฉบับนี้ได้เล่าเรื่องราวของสไปเดอร์แมนในจักรวาลอื่น ดังนั้นคุณจะได้เห็นสไปเดอร์แมนนอกเหนือจากปีเตอร์ปาร์คเกอร์อย่างแน่นอน และคุณจะต้องตกหลุมรักในตัวละคร สไปเดอร์แมน จากต่างมิติเหล่านี้แน่ๆ
ในความช่วยเหลือจากตัวละครที่คุ้นเคยอย่างเช่นปีเตอร์ปาร์คเกอร์, สไปเดอร์-เกวน และป้าเมย์เวอร์ชั่นแบบฉบับการ์ตูนที่แปลกใหม่และตัวละครใหม่ ๆ อย่างสไปเดอร์-แมน นัวร์, สไปเดอร์-แฮมและเพนนีปาร์คเกอร์ในอนิเมะไมลส์ก็ได้เรียนรู้ที่จะต้องพบเจอกับความท้าทายและความรับผิดชอบในการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่แท้จริง ในที่สุดแล้ว เขาก็พิสูจน์ให้เห็๋นแล้วว่า ทุกคนก็สามารถสวมหน้ากากฮีโร่และลงมือต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้องได้ทั้งนั้น
หากชอบบทความนี้ สามารถติดตาม รีวิวหนัง สปอยหนัง เรื่องอื่นๆได้ที่ สปอยหนังดีออนไลน์