รีวิว Blacklight

วันนี้ผมจะมาแนะนำ หนังบู้ ที่โคตรมันส์ ของนักแสดงอย่าง ป๋าเลียม นักแสดงบู้ในตำนาน รุ่นเก๋า ที่ใครๆ ก็ต้องรู้จัก ที่คราวนี้วนมาแสดงเรื่อง Blacklight เป็นเรื่องราวของ ทราวิส บล็อก เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ชีวิตทำงานที่ผ่านมา เขาต้องอยู่หลังฉากมาตลอด เป็นเหมือนเงา ที่ไม่มีตัวตน คอยช่วยเหลือเหล่าบรรดาสายลับ ที่ทำงานพลาดและ กำลังถูกเปิดโปง จนกระทั่งวันหนึ่งเจ้าหน้าที่บล็อกกลับพบความลับบางอย่างที่เกี่ยวกับภารกิจที่มีตัวเขาเป็นตัวแปรสำคัญและกำลังส่งผลต่อ ชีวิตผู้บริสุทธิ์ ระหว่างที่เขาสับสนต้องเลือกหน้าที่การงานหรือความถูกต้อง บล็อกพบว่าครอบครัวของเขาหายตัวไป และผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลับกลายเป็นหัวหน้าหน่วยงานที่เขาสังกัด หากอยากติดตามเรื่องราวทั้งหมดที่สุดตื่นเต้นนี้ สามารถติดตามได้ที่ ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว Blacklight

 

นี่คือผลงานของผู้กำกับ มาร์ค วิลเลียมส์ ที่ถือว่าเป็นงานกำกับหนังเรื่องที่ 3 ของเขา หลังจากที่สั่งสมประสบการณ์เป็น โปรดิวเซอร์มือทอง ของหนังแอคชั่นมายาวนาน โดยครั้งนี้ถือว่ากลับมาทำงานกับ ป๋าเลียมอีกครั้ง หลังจากผลงานเรื่องก่อนอย่าง Honest Thief ซึ่งเขายังได้ร่วมเขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วย โดยต้องยอมรับว่า Blacklight มาพร้อมกับประเด็นที่ลึกซึ้ง สอดแทรกปมการเมือง เอาไว้ได้ค่อนดีน่าสนใจ เพียงแต่ว่าการนำเสนอ และเล่าเรื่องของนั้น ยังไม่เด็ดขาด และไม่น่าสนใจเท่าที่ควร

Blacklight บอกเล่าเรื่องราวของสายลับที่ทำงานให้กับ FBI อย่างลับ ๆ แต่เจ้าตัวเริ่มอายุมากขึ้น และอยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ลูกและหลานสาว เขาจึงอยากจะวางมือ แต่มันไม่ง่ายแบบนั้น เมื่อหัวหน้า FBI ไม่ยอมให้เขาวางมือ แถมยังจับครอบครัวเขาเป็นตัวประกัน (โดนลักพาตัวอีกแล้ว) แถมเขายังล่วงรู้ถึงความลับอันดำมืดขององค์กรอีกด้วย

 

รีวิว Blacklight-1

 

ไม่ต้องดูตัวอย่าง ไม่ต้องอ่านเนื้อเรื่อง เห็นแค่ปกหนังกับนักแสดงนำอย่าง Liam Neeson ก็คงจะเดากันได้แทบจะทันทีเลยว่านี่คือหนังแอ็คชัน(อีกแล้ว) แต่ปัญหาคือมันไม่ได้แอ็คชันเยอะเหมือนหนังก่อนหน้านี้ของเฮียแกแล้วน่ะสิ ด้วยอายุและสังขารที่จะมาวิ่งไล่เตะต่อยตัวร้ายไม่ค่อยจะไหวเท่าไหร่ บทเลยไปเน้นทริลเลอร์ดราม่าเสียมากกว่า ฉากแอ็คชันแบบเต็ม ๆ ของป๋าเลียมนับได้ 1 ฉากถ้วน แถมมันไม่ใช่จุดขายอะไรของหนังเลยด้วย มันดูธรรมดามาก ๆ

ต้องยอมรับว่าเลียม นีสัน  มาไกลจริง ๆ จากดาราที่เล่นแต่หนังชิงรางวัล ผันตัวมาสู่การเป็นแอ็กชันสตาร์วัยเก๋า หลังจากได้ลองลิ้มชิมลางบทนักบู๊วัยดึกจากภาพยนตร์เรื่อง Taken ก็ดูเหมือนว่า เขาจะติดใจจนกู่ไม่กลับ ฟาดงานแอ็กชันติดต่อกันแทบทุกปีจนเราเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะบู๊ไปถึงเมื่อไหร่ และปีนี้นีสันก็พร้อมจะกลับมาวาดลวดลายแอ็กชันกันอีกครั้ง ในบทเอฟบีไอวัยดึกที่ไม่หยุดระห่ำกับ BLACKLIGHT

เริ่มที่ตัวละครเจ้าหน้าที่บล็อก โดยนีสันนำเสนอในบทคุณตาของหลานสาววัยกระเตาะและตำรวจใหญ่วัยไม้ใกล้ฝั่งในคนเดียวกันได้เป็นอย่างดี ตลอดทั้งเรื่องเราจะเห็นถึงความเจ็บปวดจากอดีตที่สร้างปมใหญ่ให้ตัวละครของเขาดูเป็นคนอมทุกข์ตลอดเวลา ทั้งสีหน้า แววตา ฉากแอ็กชัน นีสันก็เอาบทนี้ได้อยู่หมัด ซึ่งก็ถือว่าดีงามตามมาตรฐาน เพราะคาแรกเตอร์ในเรื่องนี้ก็ไม่ได้ต่างจากหนังแอ็กชันเรื่องอื่น ๆ ของเขาเท่าไหร่ เราจึงไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไรไปกับการแสดงของนีสันมากนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาช่วยแบกหนังไว้มากจริง ๆ

เมื่อมองทางด้านเนื้อหา ตอนต้นเรื่องหนังเปิดปมปริศนาได้อย่างน่าติดตามแถมยังมีซีนที่ได้โชว์ความเทพของเจ้าหน้าที่บล็อกให้เราได้ว้าวด้วย แต่ทว่าความว้าวก็มีแค่นั้นแหละ หลังจากนั้นหนังกลับลดขนาดตัวเองลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นละครหลังข่าวที่บังเอิญได้ทำเป็นหนังโรง เพียงแค่เปลี่ยนจากตอนย่อย ๆ มาเป็นซีเควนซ์ที่รวบรัดอัดมาในหนังเรื่องเดียว นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราไม่รู้สึกอินกับอะไรเลย จะดราม่าก็ไม่ผ่าน จะแอ็กชันก็ไม่สุด แถมจุดที่ควรให้น้ำหนักอย่างฉากย้อนความหลังที่เกี่ยวพันถึงปมใหญ่ในเรื่องนั้น หนังก็ดันเล่นง่ายโดยให้ตัวละครมานั่งเล่าทื่อ ๆ ซะงั้น ซึ่งเป็นอีกจุดที่เราค่อนข้างเสียดายเป็นอย่างมาก

หนังพยายามใส่คาแรกเตอร์ความเป็นคนระเบียบจัดของตัวละครทราวิส และเหมือนจะพยายามให้เขาดูมีปัญหาทางจิต งานภาพเลยมี ‘ช็อตภาพกระตุก’ แทรกอยู่ในหนังแทบทั้งเรื่อง จนนั่งดูก็ขำกันเองว่าจะใช้ไปเพื่ออะไร ถ้าจะบอกว่าตัวละครมีปัญหาก็น่าจะใช้แค่บางช่วงที่ต้องการเล่าถึงบุคลิกของตัวละครนั้นๆ นี่โผล่กระจายเต็มเรื่อง จนเหมือนคนดูเองที่เป็นคนมีปัญหา

 

รีวิว Blacklight-2

 

รีวิว Blacklight หนังเรื่องนี้มีดีอย่างไร 

ทั้งตัวอย่างและคำโปรยในโปสเตอร์ ต่างหลอกเราว่า BLACKLIGHT จะเป็นหนังแอ็กชันที่มันเต็มสูบ แต่ความจริงแล้วหนังกลับอุดมไปด้วยซีนที่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะใส่มาทำไม หาความสำคัญก็ไม่มี หาความระทึกก็ไม่เจอ แถมหนังยังบียอนด์ไปกว่านั้นด้วยการอุดมไปด้วยตัวละครที่โง่เขลา แม้แต่ตัวเอกอย่างเจ้าหน้าที่บล็อกผู้มีไหวพริบปฏิภาณก็ยังติดความเขลาจากตัวละครตัวอื่นมาด้วย

ซึ่งความเก่งกาจของผู้สร้างยังไม่จบแค่นั้น พวกเขาสามารถสร้างหนังแอ็กชันที่ให้อารมณ์แบนราบออกมาได้ ถึงขนาดที่ว่าจังหวะเร้าอารมณ์ของเพลงประกอบในฉากแอ็กชันก็ยังชวนเราง่วงจนเกือบจะหลับเลยล่ะ แต่อนิจจา ผู้ชมคนอื่น ๆ รอบตัวเราน่ะ หลับไปเรียบร้อยแล้ว

และที่เจ็บปวดกว่านั้นคือหนังทำให้เรารู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง ในขณะที่เราคิดว่าหนังกำลังจะปูเข้าสู่ไคลแมกซ์ที่จะทำให้เราหายง่วงได้ หนังกลับหักมุมโดยให้ปมทุกอย่างถูกคลี่คลายง่าย ๆ และไม่มีไคล์แมกซ์ซะงั้น ไม่เชื่อก็ลองไปดูที่ ดูหนังออนไลน์4k รีวิวหนังออนไลน์

 

 

ความดีงามของเรื่องนี้อาจมีเพียงแค่เลียม นีสันบังเอิญเผลอตัวมาเล่น และงานภาพที่สวยงามจนอยากออกปากชม โดยซีนภาพกว้างนั้นถ่ายได้สวยเหมือนกับงานมิวสิกวิดีโอ จนรู้ได้ทันทีว่าผู้กำกับภาพของเรื่องนี้บรรจงจัดวางมุมกล้องอย่างดี ซึ่งทำให้เรายังพอเพลิดเพลินไปกับงานภาพของหนังได้

จากเนื้อเรื่องก็จะเห็นได้ว่าเรื่องราวไม่ได้แปลกใหม่อะไร กับเรื่องราวของสายลับจะวางมือพร้อมกับเปิดโปงความลับอันดำมืดขององค์กร เราเห็นหนังแนวนี้มาเป็นร้อยเรื่อง ทางด้านเนื้อเรื่องมันจึงไม่ได้สร้างความสนุกหรือตื่นเต้นให้กับคนดูแต่อย่างใด แทบจะไม่เดินหน้าไปไหนเลยด้วยซ้ำ

หนังพยายามใส่มิติให้ มากขึ้นด้วยการเพิ่ม เรื่องราวของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่โดนฆ่า แต่มันก็แค่นั้นไม่ได้หยิบยกประเด็นการขุดคุ้ย อะไรมากกว่านี้ มีตัวละครนักข่าวมา ให้เหมือนจะมีอะไรสักหน่อยคอยขุดคุ้ยเรื่องของรัฐบาล แต่เหมือนกลับกลายเป็นว่าใส่ตัวละครนี้มาเพื่อให้ป๋าเลียมพูดคุยด้วยเฉย ๆ

 

 

สรุปแล้วหนังเรื่องนี้ เป็นอย่างไร

ถ้าไม่นับว่าเป็นหนังใหม่ ที่สร้างโครงเรื่องออกมาเดิมๆแล้ว สิ่งที่อยากจะติเตียน ในเรื่องนี้ คือประเด็นปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวละครของ ป๋าเลียมที่บอกมีปัญหาทางจิต เจ้าระเบียบ ย้ำคิดย้ำทำ เราเห็นอาการแบบนั้น ของตัวละครนี้มาตลอดทั้งเรื่อง แต่เหมือหลายจุดหนังจะลืมไปว่าตัวละครมีอาการนี้ และไม่ได้หยิบยกมันมาเป็นปัญหาในการดำเนินเรื่องสักเท่าไหร่เลย ยิ่งในฉากแอ็คชันเรียกได้ว่าหายไปเลย ไม่รู้จะปูมาทำไม เหมือนไม่ได้สำคัญต่อการดำเนินเรื่องด้วยซ้ำ แถมบทจะจบก็จบง่าย ๆ ดื้อ ๆ ซะงั้น

ซึ่งเอาจริง ๆ แต่ละตัวละครก็ดูไม่มีเสน่ห์เอาซะเลย ไม่ว่าจะฝั่งดี ฝั่งร้าย หรือแม้กระทั่งตัวเอกของป๋าเลียม ก็ดูแล้วไม่ได้อยากเอาใจช่วย แต่ดูแล้วสงสาร เหนื่อยแทน เอาลุงอายุเอาเข้าเลขเจ็ด มาแอ็คชันมันก็จะออกมาเนือย ๆ แบบนี้แหละ ฉากวิ่งไล่เลิกพูดไปได้เลย แค่เตะต่อยได้ไม่กี่วิก็บุญแล้ว

 

 

สรุปแล้ว Blacklight เป็นหนังที่ไม่สนุกและไม่น่าประทับใจเอาซะเลย แอ็คชันก็ไม่ดี บทก็ไม่ได้ เห็นการแสดงของป๋าเลียม แล้วรู้สึกเหนื่อยแทนจริง ๆ นะ ดูป๋าแกไม่ไหวแล้วจริง ๆ ใครหวังจะได้เห็นฉากแอ็คชันมันส์ ๆ คงต้องผิดหวังสักหน่อย สิ่งเดียวที่น่าชื่นชมคือความน่ารักเวลาเล่นกับหลานนี่แหละ อยากให้ป๋าลองเปลี่ยนแนวไปเป็นหนังดราม่าคอยดูแลหลานหรือหนังคอเมดี้แบบฮา ๆ ตลกหน้าตาย น่าจะฮาไม่ใช่น้อย ไม่ต้องเหนื่อยมาก

ก็ให้คิดซะว่า BLACKLIGHT เป็นหนังที่นำเสนอแบบภาพยนตรฺแอ็กชันยุค ปีแปดศูนย์ ก็ถือว่าไม่เลวนะ เพราะหนังมีองค์ประกอบที่ค่อนข้างเหมาะ ทั้งพระเอกวัยดึกที่เตรียมจะวางมือ ตัวโกงสุดเก๋าที่รู้จักตัวเอกเป็นอย่างดี รวมทั้งตัวประกอบที่ทำให้เราแอบตลกในความโง่เขลา จนชวนให้แอบขำเบา ๆ ที่บทแบบนี้ยังมีในปี 2022 ได้

จริง ๆ หนังค่อนข้างน่าเสียดายในแง่ของภาพรวม ทั้งตอนต้นที่เปิดออกมายิ่งใหญ่ แต่กลับเบาลงไปจนถึงช่วงท้ายที่แผ่วซะเหมือนถูกตัดจบ อีกทั้งบทภาพยนตร์ก็ไม่มีความน่าติดตาม การนำเสนอในแต่ละซีนดูทื่อ ซะจนเหมือนหนังเกรด B ที่มีเลียม นีสันแปะป้ายอย่างไรอย่างนั้น

 

 

แต่หากจะมองอีกแง่ หนังเรื่องนี้อาจจัดอยู่ในหมวดหนังคัลต์ชั้นครูเลยก็ได้ ทั้งบทบาทที่ชวนเราขำโดยไม่ตั้งใจ หรือแอ็กติงที่แข็งเป็นไม้ รวมทั้งฉากแอ็กชันที่ชวนหาวอยู่เรื่อยไป ซึ่งถ้าผู้สร้างต้องการทำหนังทดลองในหัวข้อ ‘ทำหนังแอ็กชันอย่างไรให้คนดูหลับ’ ก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้วล่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Blacklight โคตรระห่ำ ล้างบางนรก

ประเภท: แอคชั่น / ทริลเลอร์ ผู้กำกับ: มาร์ค วิลเลียมส์ นำแสดงโดย: เลียม นีสัน, ไอแดน ควินน์, เอ็มมี เรเวอร์-แลมพ์แมนความยาว: 104 นาที ฉายในไทย: 24 กุมภาพันธ์ 2022 รับชมได้ที่ ดูหนังฟรี4k