รีวิว Polytechnique

ของชายวัย 25 ปี ที่ใช้ปืนกราดยิงนักศึกษาหญิง จนมีผู้บาดเจ็บเเละเสียชีวิตรวมเกือบ 30 ราย และหนังเรื่องนี้ก็เป็นหนังที่สร้างขึ้นมาจากเรื่องจริงอีกแล้วครับผม เนื้อเรื่องสะเทือนขวัญไปทั่วโลก หากอยากรับชมแบบเต็มเรื่อง ภาพคมชัด สามารถติดตามรับชมได้ที่ ดูหนังออนไลน์4k

ถ้าจะให้นึกถึง หนังที่ว่าด้วยเหตุการณ์รุนแรง ในโรงเรียนแล้ว หนังเรื่องนี้ ของ กัส แวง แซงต์ หน้าของเขาคงขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ ถึงแม้ว่า ตัวงานหนังเองจะไม่ได้มีความเป็นตัวตนต้นตำรับ อย่างแท้จริง แต่เพราะใช้ไอเดีย ของหนังแนวเดียวกันเมื่อ ปี 1989 ของ อลัน คาร์ก มาอีกต่อหนึ่ง อย่างไรก็ดี การที่ หนังเรื่องนี้ เป็นหนังสัญชาติอเมริกันเพียวๆ  จึงทำให้เกิดการเปรียบเทียบ กับหนังเรื่องดังกล่าว อย่างช่วยไม่ได้ ต้องยอมรับผลการเทียบนี้อย่างโดยดี แต่ถ้าถามว่าเรื่องนี้มันแย่ไหม มาอ่านรีวิวกันครับ รีวิวหนังออนไลน์

ที่จริงแล้ว ภาพยนตร์สุดล้ำ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับ การยิงกันในโรงเรียน แต่จุดที่มันคล้ายกับ หนังเรื่อง Elephant คือการเล่าเรื่อง ความรุนแรงผ่าน กิจวัตรประจำวันของ เหล่าเด็กนักเรียน ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นปกติธรรมดา สำหรับนักเรียน ทุกยุคทุกสมัย แต่แค่ว่าใครจะเป็นคนออกมาพูด หรือความรุนแรงนั้น จะมากน้อยแค่ไหน เพราะว่าไม่ว่าสมัยไหน การบูลลี่ ก็ยังอยู่ในสังคม นักเรียนมาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นหนังเรื่องนี้ ยังปรับตัวเองให้ดูทันสมัยขึ้น ด้วยการแทรกประเด็นเรื่องอินเตอร์เน็ตเข้าไป จนชวนให้เรานึกถึง หนังสมัยใหม่ และเทคโนโลยี ที่ทำให้เข้าถึงง่ายมากขึ้น เว็บดูหนัง

 

รีวิว Polytechnique

 

รีวิว Polytechnique เนื้อเรื่องโดยรวมแล้วประมาณไหน มีสปอย

เนื้อหาของหนังเรื่องนี้ว่าด้วย โรเบิร์ต เด็กวัยมัธยมปลายที่พ่อแม่ส่งมาอยู่โรงเรียนประจำ ตามสไตล์ของหนังประเภทนี้ที่พระเอกจะต้องเป็นเด็กแปลกแยกไม่ค่อยมีเพื่อน แต่โรเบิร์ตมีสิ่งที่ต่างออกไปคือเขาชอบดูคลิปแรงๆ ตามอินเตอร์เน็ต ในวันหนึ่งขณะที่โรเบิร์ตกำลังถ่ายวิดีโอเล่นในโรงเรียน เขาก็บันทึกภาพนักเรียนสาวสองคนที่ตายจากการเสพยาเกินขนาดได้โดยบังเอิญ

หนังเรื่องนี้ เป็นหนังยาว เรื่องแรกของ อันโตนิโอ แคมโปส เขาเป็นชาวอังกฤษ ตั้งแต่เกิด และชื่นชอบการดูภาพยนตร์ มาตั้งแต่เล็กๆ และเรียนจบ ทางด้านภาพยนตร์ จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค และมีผลงานหนังสั้นที่ได้รับผลตอบรับอย่างดีเยี่ยมมากมาย และเขาสร้างหนังเรื่องนี้ ตอนอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น โดยหนังได้เข้าประกวดในสาย Un Certain Regard ที่เทศกาลหนัง ตอนปี 2008 รับชมความยิ่งใหญ่ได้ที่ ดูหนังฟรี

ผู้กำกับหนุ่มให้สัมภาษณ์ว่าคนทำหนังที่มีอิทธิพลต่อเขาอย่างสูงคือ ไมเคิล ฮานาเก้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่หนังเรื่องนี้จะมีบรรยากาศเย็นชาแบบฮานาเก้เกือบตลอดทั้งเรื่อง หนังดำเนินไปอย่างเรียบนิ่ง ไม่มีการใช้เพลงประกอบแต่อย่างใด เปรียบประหนึ่งผิวน้ำที่ดูสงบนิ่ง แต่ผู้ชมก็รู้อยู่แก่ใจว่ามีบางอย่างกำลังรอการปะทุปะทังขึ้นมา

 

รีวิว Polytechnique-1

คนทำหนังอีกคนที่แคมโปสชื่นชอบคือ เฟรดเดอริก ไวส์แมน ผู้กำกับสารคดีชาวอเมริกันที่เน้นการสังเกตซับเจ็คอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้น Afterschool จึงมีกลิ่นอายของสารคดีอยู่บ้างในแง่การลอบสังเกตความเป็นไปของเด็กๆ ในโรงเรียน หลายฉากหลายตอนของหนังถูกถ่ายทำด้วยวิธีแบบลองเทค เช่น ฉากบนโต๊ะอาหาร หรือการพูดคุยระหว่าง พระเอกกับอาจารย์ที่ปรึกษา แต่การใช้ที่ทรงพลังที่สุด อยู่ในฉากการตายของสองนักเรียนสาว มันทั้งน่าอึดอัดและ สะเทือนขวัญอย่างสมจริง

นอกจากนั้นแคมโปส ยังกำหนดภาษาภาพยนตร์ เฉพาะตัวให้กับหนัง ของตัวเองอีกด้วย เขาเลือกถ่ายภาพแบบจอกว้างในอัตราส่วน 2.35 : 1 (ซึ่งปกติจะใช้กับหนังที่เน้นขายฉาก ในแนวกว้าง เช่น ฉากสู้ต่อรบใน The Lord of the Rings) หลายครั้งที่เขาจัดให้ตัวละครไปกองรวมอยู่ที่ด้านใดด้านหนึ่งของเฟรมอย่างจงใจ, ภาพถ่ายให้ใบหน้าหรือศีรษะของตัวละครหลุดจากเฟรม รวมไปถึงการโฟกัสภาพแบบชัดตื้นในหลายฉาก**

เทคนิคภาพยนตร์ทั้งหมดที่กล่าวมาสื่อถึงภาวะไม่สมดุลของตัวละครในเรื่อง ทั้งบรรดานักเรียนที่ตื่นตระหนกกับการตายของเพื่อน, อาจารย์ที่ต้องลุกขึ้นมาตรวจตราอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย, พ่อแม่ของสองสาวที่ยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของลูก แต่ที่หนักหน่วงอย่างที่สุดก็คือ โรเบิร์ต ที่เป็นพยานหนึ่งเดียวของโศกนาฏกรรมครั้งนี้

 

รีวิว Polytechnique-3

นอกจากภาษาหนังที่แพรวพราวแล้ว ประเด็นของ Afterschool ก็น่าสนใจเช่นกัน อย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดหนังกำลังพูดเรื่องวัฒนธรรมสมัยใหม่ของ YouTube และไวรัลวิดีโอ (วิดีโอที่ต่อส่งต่อกันไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นของฮิตขึ้นมา) หนังเปิดฉากด้วยภาพน่ารักๆ ของแมวที่กำลังเล่นเปียโน ก่อนจะตามด้วยภาพนักเรียนตบกันในโรงเรียน, ซัดดัม ฮุสเซน ถูกแขวนคอ ตามด้วยหนังโป๊ที่หญิงสาวถูกฝ่ายชายบีบคอบังคับให้พูดต่อหน้ากล้องว่า “แม่คะ หนูยอมถูกเอาเพื่อเงินค่ะ”

สิ่งที่น่าขบคิดประการแรกคือเรื่องของความจริงในคลิปเหล่านี้ อย่างคลิปหนังโป๊ในตอนเปิดเรื่องเราไม่อาจแน่ใจได้เลยว่ามันคือเรื่องจริงหรือการแสดงปลอมๆ กันแน่ แต่ที่แน่นอนคือ โรเบิร์ตรู้สึกมีอารมณ์ตื่นเต้นไปกับมัน ดังนั้นในฉากโรเบิร์ตไปพบสองสาวกำลังกระอักเลือดเจียนตาย และเดินเข้าไปหาพวกเธออย่างช้าๆ เราก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกันว่าเขาช็อคกับสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า หรือกำลังตื่นเต้นดีอยู่ในใจลึกๆ หรือเป็นความรู้สึกทั้งสองอย่างปะปนระคนกัน

 

เรื่องของความจริงถูกเสียดสีอย่างเจ็บแสบ เมื่อโรเบิร์ตถูกมอบหมายให้รับผิดชอบวิดีโอไว้อาลัยสองนักเรียนที่เสียชีวิตไป เขาตัดต่อคลิปด้วยภาพของนักเรียนที่สารภาพว่าไม่รู้จักทั้งสองคนนัก, เด็กหนุ่มที่ดีใจที่ทั้งคู่ยอมให้ออกเดทด้วย, อาจารย์ใหญ่ที่ขอเทคใหม่เพราะพูดไม่ดีพอ และตบท้ายด้วยภาพบันไดซึ่งเป็นสถานที่ที่พบศพของผู้ตาย หลังจากฉายคลิปให้อาจารย์ดู โรเบิร์ตก็ถูกด่าอย่างไม่เหลือชิ้นดี

คลิปไว้อาลัยถูกทำใหม่ด้วยฝีมือของคนอื่น มันเต็มไปด้วยถ้อยคำสรรเสริญจากเหล่าเพื่อนฝูง (ซึ่งผ่านการตัดต่อมาแล้ว) และเพลงประกอบแสนซาบซึ้ง มองในแง่หนึ่งวิดีโอของโรเบิร์ตอาจดูเพี้ยนพิลึก แต่นั่นก็เป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเขาต่อการตายของเพื่อน แต่ที่สุดแล้วมันก็ต้องถูกจำกัดจากอาจารย์ ซึ่งเป็นผู้กุมอำนาจในนามของความดีงาม*** อำนาจที่เพียงพอต่อการบิดเบือนความเป็นจริง

วิดีโอไวรัลยังถูกนำมาขยายเรื่องความรุนแรงในสถานศึกษาด้วยเช่นกัน โดยถึงแม้แคมโปสจะไม่ได้เรียนในโรงเรียนประจำเหมือนตัวละครในเรื่อง แต่เขาให้สัมภาษณ์ว่าตัวเองสามารถสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดในโรงเรียนของเหล่าชนชั้นกลาง และเขาก็รู้สึกรับไม่ได้กับซีรี่ส์อย่าง Gossip Girl หรือ NYC Prep ที่เน้นแต่ชีวิตอันเลิศหรูของนักเรียนในเรื่อง

 

 

ความคิดเห็นส่วนตัว

ตลอดระยะสองชั่วโมงอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรุนแรงและบรรยากาศอันแสนจะกดดันของหนัง คนดูจะได้เห็นตัวละครในหนังเรื่องนี้ดำดิ่งลงสู่ความมืดและถูกกลืนกืนโดยวังวนแห่งความรุนแรงไปอย่างช้าๆ เหมือนอย่างที่ตัวละครของ Benicio Del Toro พูดกับตัวนางเอกของหนังที่รับบทโดย Emily Blunt ณ จุดหนึ่งของหนังว่า สงครามยาเสพติดครั้งนี้ก็เปรียบได้กับเป็นโรคร้ายที่กัดกินทุกสิ่งและทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมันจนย่อยยับ หนทางเดียวที่จะหยุดยั้งสงครามครั้งนี้ได้ก็คือการหา“วัคซีน”มาใช้ฆ่าโรคร้ายให้หมด แต่จะต้องทำยังไงและจะต้องทำถึงแค่ไหนกว่าจะได้วัคซีนนั้นมาน่ะหรือ? บางทีมันอาจจะไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วก็ได้ ในเมื่อสงครามมันดำเนินมายาวนานถึงเพียงนี้แล้ว เส้นแบ่งระหว่างความดี-ความเลว/แสงสว่าง-ความมืด ผิด/ถูก มันยังมีอยู่อีกหรือ? “จะด้วยวิธีการไหนก็มีค่าเท่ากันหมดนั่นแหละ”

คลิปเด็กตบกันในโรงเรียนไม่ได้มีแต่ในประเทศไทยเท่านั้น แม้แต่ในอเมริกาหรือนิวยอร์คก็มีเรื่องประเภทนี้เช่นกัน หลายฉากที่เราเห็นโรเบิร์ตกับเพื่อนๆ นั่งดูคลิปเหล่านี้ประหนึ่งว่ามันเป็นเรื่องปกติ แถมยังกดดูซ้ำๆ อีกด้วย และในที่สุดเมื่อโรเบิร์ตเกิดเรื่องชกต่อยกับเพื่อน เหตุการณ์ในวันนั้นก็ถูกอัพขึ้นบนอินเตอร์เน็ตจนได้

 

เชื่อว่าในไม่ช้าคลิปของโรเบิร์ตก็จะถูกส่งต่อให้เพื่อนๆ ในโรงเรียนแห่งนี้ดูกันถ้วนหน้า ไม่ว่าอาจารย์จะตามลบสักเท่าไร คลิปนี้ก็อาจจะถูกโพสต์ขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน รวมถึงการแพร่กระจายด้วยกระแสปากต่อปาก, การส่งต่อในรูปของฟอร์เวิร์ดเมล และการแชร์ต่อๆ กันไปบนหน้าของเฟสบุ๊ค สิ่งนี้ทำให้เราตระหนักได้ว่าเราเองสามารถเป็นส่วนหนึ่งกระบวนการส่งต่อความรุนแรงได้อย่างง่ายดาย ด้วยการคลิกเม้าส์เพียงไม่กี่ที

และไม่ว่าจะคลิปไหนๆ ก็ดูเหมือนจะลักษณะร่วมกันคือ มีใครสักคนมือไวหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ ยืนมุงกันแน่นิ่ง และไม่มีใครคิดจะเข้าไปห้าม สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของหนังคือตอนที่โรเบิร์ตค้นพบว่ามีคนอัพคลิปตอนที่สองสาวกำลังจะตาย โดยการถ่ายจากอีกมุมหนึ่ง นั่นแปลว่ามีคนเห็นเหตุการณ์เช่นเดียวกับโรเบิร์ต แต่เขาคนนั้นก็ไม่ได้คิดเข้ามาช่วยแต่ประการใด

ดังนั้นหัวใจของหนังไม่ได้อยู่ที่ว่าหญิงสาวสองคนนั้นตายเพราะอะไร หรือใครที่อยู่เบื้องหลังการตายของพวกเธอ แต่สิ่งที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงมากกว่าคือ การที่ใครสักคนเพิกเฉยต่อการตายของมนุษย์ด้วยกัน และนั่นอาจนับเป็นความรุนแรงขั้นสูงสุดที่เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งนี้

 

 

สุดท้ายอยากบอกว่าประทับใจการแสดงของ Benicio Del Toro ในหนังเรื่องนี้โคดๆ เห็นพี่แกนิ่งๆมาทั้งเรื่อง ไม่คิดเลยว่าพี่แกจะมาปล่อยของ(พลังการแสดง)เอาตู้มเดียวจบในฉากจบของหนัง คือ ออกมาตอนจบแล้วขโมยซีนของทุกคนเลน (Emily Blunt และ Josh Brolin เองก็เล่นดีมากๆ แต่สุดท้ายแล้วกลายเป็นว่าสองคนนี้โดน Del Toro ขโมยซีนไปหมดเลย) พี่แกสมควรเข้าชิงดาราประกอบชายในออสก้าร์มาก เพราะพี่แกได้รับลูกโลกทองคำจากหนังเรื่องนี้มาก่อนหน้าแล้ว ออสก้าร์ไม่แม้เสนอชื่อด้วยซ้ำ

สำหรับท่านที่สนใจหนังที่ว่าด้วยความรุนแรงในโรงเรียน อีกเรื่องหนี่งที่ไม่ควรพลาดคือ หนังแคนาดาเรื่อง Polytechnique (2009, Denis Villeneuve) โดยหนังเรื่องนี้สร้างจากเหตุการณ์ฆาตรกรรมหมู่ในปี 1989 ที่มอนทรีอัล เมื่อชายคนหนึ่งบุกเข้าไปยิงนักศึกษาหญิงจนเสียชีวิต 14 คน หนังโดดเด่นด้วยบรรยากาศแบบนิ่งๆธรรมดา และภาพขาวดำ และเนื่องจากฆาตกรตัวจริง อ้างว่าตัวเองทำไป เพราะต่อต้านพวกเฟมินิสต์ (เขาจึงเลือกยิงแต่ผู้หญิง) หนังจึงแทรกประเด็น เรื่องความเหลื่อมล้ำระหว่างสองเพศเ ข้าไปด้วย แต่ดูเหมือนจะทำอย่างจงใจ เกินไปสักนิด ผู้ชมบางคนอาจจะ ไม่พอใจกับเรื่องนี้ได้  อย่างไรก็ดี อีกประเด็นที่น่าสนใจมากของหนังคือชีวิตหลังจากเหตุการณ์นั้นของผู้รอดชีวิตบางคน ดูหนังให้สนุกเถอะครับ ถ้าลองดูจะเห็นว่าทำออกมาดีจริงๆ ดูหนังฟรี4k

หากชอบบทความรีวิวหนัง สปอยหนังดี แบบนี้ เราหาหนังอาชญากรรมมาให้คุณได้รับชมกันแบบจุใจ ที่ รีวิวหนังออนไลน์