รีวิว Mad Max มีหลายคนเข้าใจผิดคิดว่านี่คือภาครีบู๊ต แต่ที่ไหนได้กลายเป็นว่านี่คือภาคต่อ เล่าอีกการผจญภัยของแมกซ์ ที่ต้องต่อสู้กับแก๊งซินทิเดล เขาพลาดท่าโดนแก๊งซินทิเดลจับตัวไป กลายเป็นเชลยที่ถูกจับไว้สำหรับให้เลือดสำรอง ฟูริโอซ่า หัวหน้าหน่วยรบของซินทิเดล นำกองทัพขนาดย่อมไปปล้นน้ำจากเมืองใกล้เคียง ระหว่างทางเธอตัดสินใจหนีโดยพาเหล่าแม่พันธุ์ของซินทิเดลหลบหนีไปด้วย 4 คน มีจุดหมายปลายทางคือ กรีนเพลส บ้านเกิดของเธอ เหล่านักรบซินทิเดล เลยออกตามล่า ฟูริโอซ่า แมกซ์ ถูกผูกติดไปด้วยกับกองทัพไล่ล่า ระหว่างตะลุมบอน แมกซ์ หลุดรอดได้เลยเข้าร่วมกับ ฟูริโอซ่า อาสาช่วยเธอหนีไปบ้านเกิด
แมกซ์ ร็อคคาแทนสกี้ ถูกจับไปเป็นถุงเลือดให้พวก War Boys โดยฝีมือลูกน้องของ โจ เพราะว่ากรุ๊ปเลือดของแมกซ์คือ O-Negative พิเศษมากเพราะสามารถให้ได้กับทุกกรุ๊ปเลย
ฟีเรียสซา ซึ่งเป็นบอสใหญ่ที่โจไว้ใจมากเพราะฝีมือและความแข็งแกร่ง ได้นำรถไปขนน้ำมันที่แก๊สทาวน์ แต่ภารกิจนี้เธอกำลังทำการทรยศโดยการพาแม่พันธุ์ที่เป็นนางบำเรอของโจหนีไปอยู่ Green Place การตามล่าสุดมันส์จึงเริ่มต้นขึ้น
จอร์จ มิลเลอร์ ผู้กำกับต้นฉบับกลับมารขุดงานเก่าของตัวเองอีกครั้งในวัย 70 ปี ทิ้งช่วงห่างจากไตรภาคเดิม 30 ปี ไตรภาคแรกปลุกปั้น เมล กิ๊บสัน ให้กลายเป็นดาราแถวหน้าฮอลลีวู้ดได้สำเร็จ จอร์จ มั่นใจกับแฟนเดนตายของ mad max มาก ถึงกับไม่เสียเวลาย้อนอดีตปูพื้นของเก่าเลย มีเพียงแค่เสียงบรรยายสั้นๆ ถึงตัวตนและอดีตของ แมกซ์ ไม่ถึง3นาทีด้วยซ้ำ หลังจากนั้นก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงล่ะ อัดฉากแอ็คชั่นกันแน่นๆ ยาว 2 ชั่วโมงเลย
เอกลักษณ์ ความคลาสสิค ไอเดียหลุดโลกเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว เป็นต้นแบบสร้างแนวทางวิสัยทัศน์ ไว้ให้ผู้กำกับรุ่นหลังที่สร้างหนังเกี่ยวกับโลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 3 เมื่อโลกกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน หนังที่สร้างหลัง mad max เลยเป็นแนวนี้กันไปหมด และยังมากกว่าแค่วงการหนัง ไปเป็นแรงบันดาลใจให้กับการ์ตูนคลาสสิคอย่าง หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ อีกด้วย วันนี้จอร์จ มิลเลอร์เจ้าของไอเดียต้นแบบกลับมาอีกครั้ง ได้ทุนสร้างมากกว่าเดิมหลายเท่า ดูหนังออนไลน์
อีกทั้งวิทยาการทางด้านภาพต่างช่วยผลักดันจินตนาการของ จอร์จ มิลเลอร์ ต่อยอดไปได้อีกไกล ความดิบ เถื่อน ยังคงอยู่ครบ ที่เพิ่มมากขึ้นไอเดียสร้างสรรค์มากมายที่เนรมิตออกมาเป็นภาพให้ได้เห็น ชุดประหลาดๆ ของบรรดาตัวละคร อาวุธแปลกใหม่ แค่ฉากภายในถ้ำของซินทิเดลเราก็ได้เห็นบรรดาไอเดียหลุดโลกมากโขแล้ว หนำซ้ำในภาคนี้ยังมีหลายๆอาณานิคมมาต่อสู้กัน แต่ละแก๊งก็มีทั้งชุด ทั้งพาหนะที่มีเอกลัษณ์ต่างกันไปอีก ดูแล้วฝ่ายออกแบบนี่ทำงานกันสนุกมือแน่
ยานพาหนะมาในคอนเซ็ปต์เดิมที่เป็นรถเก่า เอาชิ้นส่วนมาประติดประต่อกันให้ดูน่าเกรงขามมากขึ้น คิดยุทธวิธีโจมตีใหม่ๆขึ้นมาทำให้ฉากแอ็คชั่น รถไล่บี้กัน ชนกันยาวๆ แต่ก็เป็นฉากที่ดูสนุกเอามันส์ได้ไม่เบื่อ และที่น่าชื่นชมคือความแม่นของทีมงานสร้าง เพราะภาคนี้ไม่ใช้ซีจีช่วย ภาพที่เราเห็นรถชนกัน ระเบิดตูมตามนั้นคือภาพที่เกิดขึ้นจริง เทคนิคซีจีถูกใช้เพื่อลบ เครน สลิง อุปกรณ์ประกอบฉากออกจากภาพเท่านั้น
หนังถ่ายทอดให้เห็นถึงมุมมองที่โลกอันเสื่อมโทรม ปราศจากอาหาร น้ำ และน้ำมัน, แก๊สที่ใช้ในการขับเคลื่อนยานพาหนะ เหมือนหนังกำลังจะถ่ายทอดในโลกอนาคตว่าอาจจะมีโอกาสเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นก็ได้ ผู้กำกับถ่ายทอดได้ตรงประเด็นมาก ๆ เพราะหนังเผยให้เห็นความดิบเถื่อนของโลกใบนี้ตั้งแต่เริ่มเรื่องที่แม้แต่แมกซ์ก็ต้องกินตัวกิ้งก่าประทังชีวิต ความน่าสนใจคือภูมิทัศน์และอากาศแบบร้อนและรายล้อมไปด้วยทะเลทราย รวมไปถึงมนุษย์ที่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันไม่รู้จักจบจักสิ้น เพราะว่าความไม่รู้จักพอของมนุษย์กับทรัพยากรที่มีไม่เพียงพอนั่นเอง
นางเอกเด่นมาก สวยเก่งแถมเท่สุด ๆ เด่นเทียบเท่ากับพระเอกได้เลยแม้ว่าหนังจะชูบทให้Max มากกว่า คือCharacter ของเธอดูมีมิติ มีอะไรให้น่าติดตาม ทั้งในเรื่องของบทบาท ความสามารถ แย่งบนเดานของพระเอกที่ถือว่าเป็นตัวนำเรื่องอย่างMax ไปหน้าตาเฉย แต่กระนั้นแม้จะเป็นหนังเถื่อน ๆ แต่ซีนพระนางก็มีให้เห็นอยู่ด้วยนะ
หนังสอดแทรกเรื่องชั้นวรรณะ รวมถึงผู้หญิงบรรดาเมียของโจที่ต้องทนทุกข์ทรมาน และที่หนังไม่ลืมที่จะนำเสนอคือชาวบ้าน คนแก่ ที่อดอยากปากแห้งรอให้โจซึ่งเปรียบเสมือนกษัตริย์คอยเปิดน้ำให้พวกเขามากินอย่างไม่เพียงพอ ทำให้เราได้เห็นถึงความเอาเปรียบและสุดจะเสื่อมโทรมในการปกครอง หนังพยายามสร้างปมให้คนดูคิดตามถึงภาวะโลกที่โหดร้ายที่มีผู้นำที่เปรียบเสมือนปิศาจ ได้คิดตามว่าทำไมแมกซ์ต้องคอยหนีหัวซุกหัวซุนจากการไล่ล่า แะสิ่งที่สำคัญอย่าง Green Place คืออะไรทำไมถึงเป็นสถานที่ที่หลาย ๆ คนต้องการจะไปอยู่
หนังเดินเรื่องเร็วแถมมีฉากAction มันส์กระจายชนิดที่ไม่คิดจะให้คนได้พักหายใจกันบ้าง และที่เป็นเอกลักษณ์ของหนังเรื่องนี้คือเมื่อจอดรถต้องดึงพวงมาลัยออก ถ้าจะขับก็ค่อยเอามาใส่ใหม่ ผิดกับสมัยนี้ที่ให้ความสำคัญกับกุญแจมากกว่า เลยทำให้รู้สึกว่าหนังมีอะไรเจ๋ง ๆ และแปลกใหม่หลายอย่าง ทั้งบู๊มันส์ คุณค่าของชีวิต ความเหลื่อมล้ำและการปกครอง ดูหนัง
รีวิว Mad Max
ปกติจะชอบดูหนังที่มีความพิเศษ หนังที่ดูแล้วกลั่นออกมาจากความตั้งใจ ความคลั่งไคล้ของคนสร้าง ดูแล้วจะรู้แล้วว่าเป็นหนังดี
Mad Max:Fury Road คือหนังที่เป็นความอัดอั้น ความคลั่งไคล้ในจินตนาการที่สรรสร้างขึ้นมานานกว่า 30 ปี ของ George Millers นับตั้งแต่ที่สร้าง Mad Max:Beyond Thunderdome ตั้งแต่สมัย 1985 เ
คยได้ยินข่าวมาว่ากว่าภาค Fury Road จะออกฉายต้องถูกเลื่อนถัดไปๆหลายครั้ง ไม่ว่าจะมีปัญหาที่หนังทำงบจนเกินทุนบ้างแล้ว ยื่น footage ให้ Warner Bros ดูจน producer ยอมปันใจอัดฉีดงบให้อีก และปัญหาเรื่องการตัดต่อบ้างมีการถ่ายทำแก้หลายครั้ง ลองคิดดูหนังที่ผู้สร้างได้เปิดโอกาสใส่จินตานาการความคิดของเขาได้เต็มที่ ทั้งได้รับการสนับสนุนเงินทุน และได้ rated R อีกต่างหาก กว่าที่เวลานี้หนังจะมาออกฉายได้ ถ้าไม่รัก ไม่ตั้งใจ ไม่คลั่งไคล้ของ Millers ก็ไม่รู้จะพูดยังไง
มาภาคนี้ Millers เอาความอัดอั้นนั้น มาระเบิดตูมๆๆๆๆ ใส่คนดูอย่างเต็มสตรีม นั่นแหละคือความพิเศษที่ผมเจอขณะที่ดู Mad Max:Fury Road และต้องบอกเลยว่าหนังบ้าเรื่องนี้มันสุดติ่ง วินาศสันตะโรจริงๆ
George Millers นับเป็นผู้กำกับที่เหนือชั้นมาก และยอมรับว่าแกเป็นคนทำหนังประเภทนี้ได้เก่งทีเดียว (ถ้าไม่นับกับที่เคยมัวแต่ไปทำหนังเพนกวินเต้นได้อย่าง Happy Feet นะ)
สำหรับบทดำเนินเรื่อง Mad Max:Fury Road จะไม่ได้เน้นหรือโดดเด่นอะไรมากนัก ไม่มีพล็อตที่ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ชิงไหวชิงพริบอะไร เนื้อเรื่องคร่าวๆ ก็คือการที่นางเอก (Charlize Theron) แสดงเป็น Furiosa มาช่วยเหล่า The Brides หรือเหล่าทาสสาวแม่พันธุ์ของดินแดนนรกหนึ่ง ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของ Immortan Joe(Hugh Keays-Byrne) และสมุน เพื่อไปหาที่ที่ใหม่ ที่ดีกว่า ท่ามกลางโลกที่ล่มสลาย ที่ต่างคนต่างคลั่งแย่งชิงน้ำมัน น้ำที่มีอยู่ ซึ่ง Furiosa ก็ได้รับความช่วยเหลือจาก Max (Tom Hardy) จากปฏิบัติการกระตุกหนวดยักษ์นี้
กว่า 70-80% ของเรื่องคือฉากการขับรถไล่ล่าอย่างต่อเนื่องของกองทัพ Immortan Joe ไล่ล่ากับแก้งค์ Max/Furiosa เพื่อชิงตัว The Brides กลับมา สำหรับบทพูด dialog หนังเรื่องนี้จะมีไม่มาก เพราะหนังจะเน้นการเล่าเรื่องด้วยภาพ เล่าเรื่องด้วยเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น และผมคิดว่านี่คือหัวใจสำคัญของหนังแอ็คชั่นไม่ใช่หรือ
หนังแอ็คชั่นที่ควรตอบใจทย์ของการขับเคลื่อนอารมณ์โดยไม่ต้องมีบทพูดมากมาย แค่สิ่งที่เห็นตรงหน้าแล้วให้คนดูอ้าปากค้างได้ และลุ้นระทึกไปกับหนัง มันก็ยอดเยี่ยมสำหรับหนังแอ็คชั่นแล้ว และ Mad Max ทำจุดนี้ได้อย่างดีมาก ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะไม่เน้นเรื่องการดำเนินเรื่อง แต่ตัวร้ายนับว่าน่ากลัว น่าเกรงขาม ไม่กิ๊กก็อกเหมือนหนังบางเรื่องแถวๆนี้ และถึงแม้ plot เรื่องไม่มีอะไรมาก แต่หนังก็ถูกกลบข้อด้อยด้วยการแสดงเข้าขั้นของนักแสดงต่างๆ
สิ่งที่ทำให้อ้าปากค้างจริงๆ คือฉากแอ็คชั่น เอฟเฟคเสียงซาวด์แทรก ที่เร้าอารมณ์ได้อย่างดีไปกับเหตุการณ์ เทคนิคการถ่ายทำที่เกิดขึ้น มันช่างอลัง สวยสดงดงามอย่างมาก ด้วยเหตุที่ว่าหนังสร้างด้วยการใช้ลูกเล่นเอฟเฟค ที่เกิดจากการคนแสดงจริงๆ รถก็ของจริง มีคนแสดงผาดโผนจริง ใช้ซีจีน้อยและใส่สีจัดๆ มันทำให้ดูแล้วสมจริง และสวยงามมากๆ หลายครั้งที่อดไม่ได้กับการชื่นชมไปกับงานศิลป์ในตัวหนัง พร้อมๆกับลุ้นระทึกไปกับหนังด้วย (ตอนดูก็นึกไปว่าระหว่างที่การถ่ายทำมีคนเสียชีวิตบ้างเปล่าเนี่ย เพราะฉากผาดโผนหลายฉากมันหวาดเสียวมาก)
และนี่คือสิ่งที่ขาดหายไปสำหรับหนังแอ็คชั่นส่วนใหญ่ในสมัยนี้ ที่คนในวงการหลายคนต่างก็เพลิดเพลินหลงไปกับ CGI ไปเน้นกับการวางพล็อตที่เอาใจ fanbase มากไป จนหลงลืมไปว่าเมื่อก่อนที่รุ่นพ่อรุ่นแม่ดูหนังสนุกกันมันเพราะอะไร หรือที่หนังในตำนานหลายเรื่อง ที่ปัจจุบันนี้หยิบมาดูอีกครั้งมันก็ดูได้สนุกอยู่ George Millers เคยสร้าง Mad Max:Road Warrior ให้เป็นหนังแอ็คชั่นบรมครู ที่หนังหลายเรื่องในสมัยนี้ต่างหยิบมาใช้กัน มาวันนี้ George Millers กลับมาอีกครั้งและมาทำ Mad Max Fury Road เป็นบรรทัดฐานใหม่สำหรับหนังแอ็คชั่นในอนาคต เพื่อมาย้ำเตือนสิ่งที่หนังสมัยนี้ขาดหายไป กลับมาเติมเต็มอีกครั้ง
คะแนนเนื้อเรื่อง 10/10 ส่วนตัวค่อนข้างชอบมากจนต้องเอาขึ้นหิ้งไว้เลยครับ หนังอัดฉากบู๊กันตั้งแต่ต้นเรื่องยันท้ายเรื่อง สนุกชนิดลืมหายใจ เอาเป็นว่าแต่ได้เห็นยานพาหนะในเรื่องที่โคตรดิบเถื่อนและสะใจสุด ๆ หนังครบทุกรสจริง ๆ เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นก3 ตัวเลยครับคือ ฉากบู๊ ข้อคิดและความแปลกใหม่