รีวิว Die Hard

กลับมาพบกันอีกครั้งสำหรับการรีวิวหนังสงคราม ที่ผมคัดเลือกมานำเสนอทุกท่าน นหนังแอ๊คชั่นชั้นดีนะครับ ทำได้อย่างยอดเยี่ยมลงตัวมาก มีทั้งฉากบู๊ฉากยิงกัน ฉากระเบิดทำลายข้าวของก็เพียบไปหมดเหมือนกัน และขณะเดียวกัน ส่วนสำคัญที่ทำให้หนังสนุกก็คือการมีวายร้ายที่ชาญฉลาด ซ้ำยังมาในมาดผู้ดีอีกด้วยครับ ซึ่ง Rickman เล่นบทนี้ได้อย่างสุดยอด อยากให้ทุกคนได้ดูกัน สามารถรับชมหนังออนไลน์ ภาพชัด เสียงไม่มีสะดุดได้ที่ ดูหนังฟรี

เช่นเดียวกับพระเอกครับ ที่มีหัวสมองเหมือนกัน และแน่นอนว่าเรื่องนี้แจ้งเกิดให้ Willis แบบเต็มๆ ซึ่งพี่แกก็ฉลาดพอๆ กับผู้ร้ายนั่นแหละครับ แต่จะมีลูกบ้ามากหน่อย ความสนุกจึงเพียบไปหมด เพราะเขาต้องต่อกรกับพวกลูกน้องที่เอาแต่ยิงด้วย แล้วก็ต้องคอยรับมือกับแผนการของเจ้าฮานส์ด้วย ก็เรียกว่ามันส์ตลอดเลยล่ะครับ

หนังสร้างจากนิยายของ Roderick Thorp นะครับ เรื่อง Nothing Lasts Forever ซึ่งดัดแปลงเป็นหนังได้อย่างเยี่ยม เพราะสนุกและมันส์มากๆ หนังเรื่องนี้ถือเป็นมาตรฐานสำหรับหนังแอ๊คชั่นในยุคต่อมาเลยนะครับ ประเภทพระเอกคนเก่ง ต้องไปอยู่ในสถานการณ์ผิดที่และผิดเวลา แล้วก็ต้องคอยไล่ปราบผู้ร้าย ช่วยผู้บริสุทธิ์ ซึ่งสูตรนี้ได้ผลเสมอมา แต่กับเรื่องนี้มันยิ่งกว่าได้ผลครับ มันเข้าข่ายสุดยอดเลยล่ะ

เริ่มต้นด้วยหนังในตำนานที่ทำให้บรูซ วิลลีส เป็นที่จดจำในฐานะพระเอกแอ็คชันตลอดกาล กับเรื่องราวของนายตำรวจหนุ่ม จอห์น แม็คเคลน ที่มาเยือนลอส แองเจลีส เพื่อขอคืนดีกับภรรยาเขาในงานเลี้ยงบริษัท บนตึกนากาโตมิ พลาสซ่า

แต่กลับพบเหตุไม่คาดคิด เมื่อผู้ก่อการร้ายกลุ่มหนึ่งบุกยึดตึกและจับคนในนั้นเป็นตัวประกัน จอห์น ซึ่งเป็นตำรวจคนเดียวในนั้น จึงต้องใช้กลยุทธ์ ทุกทางที่เขารู้ เพื่อหลอกล่อผู้ร้าย และช่วยคนในนั้น รวมทั้งภรรยาเขาออกมา โดยได้รับความช่วยเหลือจากอัล พาวเวล นายตำรวจลอสแองเจลลีสที่คุมสถานการณ์อยู่ด้านนอก จุดเด่นของหนังคือบทบู๊ที่ชาญฉลาดในการให้จอห์นใช้พื้นที่แคบและพื้นที่สูงในตึก รวมทั้งผังที่ซับซ้อนของตึกจัดการกับผู้ร้าย

ภาพยนตร์แนว Action ที่พลิกวงการหนัง Action ยุค 80 ตลอดกาล พร้อมทั้งส่งให้ดาราทีวีอย่าง Bruce Willis (บรู๊ซ วิลลิส) ที่กำลังโด่งดังจากละครซีรี่ยส์เื่อง Moonlighting กลายเป็น Action Star คนใหม่ของวงการ แล้วอะไรที่ทำให้ภาพยนตร์อายุเกือบ 30 ปี

 

รีวิว Die Hard

 

รีวิว Die Hard เนื้อเรืองภายในสุดยอดหนังเรื่องนี้

Die Hard 4.0 เป็นหนังแอคชั่นสุดมัน เกี่ยวกับที่กลุ่มคนร้ายต้องการให้อเมริกาพังพินาศ จึงต้องการทำให้ระบบสาธารณูปโภคทั้งประเทศล่ม ทำให้ จอห์น แม็คเคลน ตำรวจสายสืบจอมอึดต้องคอยคุ้มกันให้ แม็ต แฟร์เรลล์ แฮกเกอร์ขั้นเทพที่ต้องไปหยุดการก่อการร้ายทางไซเบอร์ และถูกคนร้ายตามไล่ล่าแทบเอาชีวิตไม่รอด

ดายฮาร์ด 4.0 ถือว่าเป็นหนังที่มีเนื้อเรื่องที่เข้มข้นและซับซ้อน ให้เราได้ลุ้นระทึก และติดตาม รวมทั้งฉากแอคชั่นที่สุดมันระทึกใจ และทำได้ยิ่งใหญ่อลังการมาก พล็อตเรื่องที่มีอุปสรรคตลอดทั้งเรื่อง แต่ก็ผ่านมาได้ทุกครั้งด้วยความอึดของ จอห์น แม็คเคลน

เห็นหนังเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึง ระบบอินเตอร์เน็ตในปัจจุบัน ที่ทุกอย่างควบคุมด้วยอินเตอร์เน็ต ซึ่งหากใครสามารถเจาะเข้าได้ ก็สามารถควบคุมและสร้างความเสียหายได้มหาศาล ที่ผมชอบที่สุดก็คือฉากแอคชั่น ฉากยิงกัน ขับรถไล่ลา ระเบิดบ้าน ระเบิดรถ ระเบิดฮอ  ซึ่งเป็นฉากที่ยิงกันสนั่นจอได้ระทึกใจมาก ๆ

เรื่องนี้ แสดงให้เห็นถึงระบบเครือข่ายที่ไม่คิดว่าจะถูกเจาะได้ และปลอดภัยมากแค่ไหน ก็ยังมีช่องโหว่ ให้เหล่าแฮกเกอร์เก่ง ๆ สามารถเจาะเข้าไปได้ และผู้มีความรู้ความสามารถหากนำไปใช้ในทางที่ผิด ก็จะสร้างความเสียหายได้มหาศาล หากนำไปใช้ในทางที่ถูกก็จะสร้างคุณค่าได้มหาศาลเหมือนกัน และหนังเรื่องนี้ก็ต้องอดชมความอึดของนักสืบ แม็ค เคลน ไม่ได้ ที่โคตรอึด และตายยากสมคำว่า Die Hard แบบนึกไม่ถึง

ในภาคนี้ ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ป่วนเมืองครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ เมื่อมือ(ไม่)ดีคิดปิดระบบสาธารณูปโภคของคนทั่วประเทศ ทั้งน้ำ ทั้งไฟฟ้า พลังงาน และอื่นๆ ทุกอย่าง ด้วยการแฮ็คระบบทุกระบบ จ้างแฮ็คเกอร์หนุ่มมือดีเจาะระบบ แล้วจัดการฆ่าทิ้ง

แต่ยังเหลือแฮ็คเกอร์หนุ่มอีกคน Matt Farrell ที่ John ได้รับมอบหมายภารกิจให้นำตัวมาส่ง FBI แต่กลับพบว่า เหตุการณ์เลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศ พัวพันกับเด็กหนุ่มคนนี้ ผู้กำลังถูกตามล่า ฮีโร่ของ John McClane ที่ไม่เชี่ยวเรื่องดิจิตอลแบบวายร้าย แต่กลับเชี่ยวชาญด้านอะนาล็อกมากกว่า กลับต้องมาร่วมล่าวายร้าย หยุดยั้งแผนการชั่ว และรักษาตัวให้รอด อีกทั้งยังต้องรักษาชีวิตลูกสาวที่ไม่ค่อยกินเส้นกับตัวเองอีกด้วย

ฉากวินาศสันตะโรทั้งหลายนั้น เราคงได้เห็นกันไปบ้างแล้วจากหนังตัวอย่าง แต่ของจริงในโรงก็ใช่ว่าจะไม่มีเพิ่มเติม หนังเรื่องนี้ผมบอกเลยว่าโคตรสนุก โคตรอันตราย ดำเนินเรื่องสนุกตื่นเต้นเลยทีเดียว พล็อตก็ใช้ได้ บางเรื่องอาจจะไม่สมเหตุสมผลนัก แต่ถ้าคิดว่าจะมาดูอะไรมันๆ ประเภทพังของ พังตึก พังถนน ก็เชิญครับ มีให้ดูแน่ๆ ไม่ต้องห่วง ดูกันจนตาตึงไปเลยครับ

เพราะเหตุการณ์ตายยากแบบนี้ ไม่มีอยู่ในชีวิตจริงๆ หรอกครับ

 

รีวิว Die Hard

 

สิ่งที่หนังเรื่องนี้น่าสนใจคือตัวละคร

ถ้าอยากหาหนังแนวดาราดังประกบกันเป็นคู่หูในบทบาทแอ๊คชั่นมันส์ๆ ต้องเรื่องนี้เลย ยอมรับว่าดายฮาร์ด แทบทุกภาคกินขาดเรื่องความมันส์ ดำเนินเรื่องเต็มไปด้วยความระทึกและเป็นต้นแบบให้กับหนังแอ๊คชั่นรุ่นต่อๆ มา คือเป็นพ่อทุกสถาบันของหนังแอ๊คชั่นเลย มาภาคนี้พิเศษหน่อยก็ตรงที่มีดารานำคู่หู จากปกติมี บรู๊ซ วิลลิส ลุยเดี่ยวทะลวงความอึดอยู่คนเดียว มาภาค 3 นี้มี แซมวล แอล.แจ๊คสัน เพิ่มมา ซึ่งก็เท่าที่ทราบกันดีว่า บทบาทพี่แกแทบทุกเรื่อง ฝีปากกล้ากวนอารมณ์อย่างมาก มาเรื่องนี้ก็ไม่เว้น เป็นตัวปูช่วยเสริมให้หนังดูสนุก หยอดอารมณ์ขันไปให้หนังลื่นไหลท่ามกลางฉากแอ๊คชั่น ระทึกขวัญที่ขนกันมาตลอดทั้งเรื่อง

ตัวละครอีกรายที่เล่นแทบจะคู่กับจอห์นเลยก็คือ อัล พาวเวลล์  นายตำรวจแอล.เอ ที่เผอิญผ่านมาตรวจตราตึกนากาโตมิพอดี แล้วก็เจอกระสุนสาดใส่กระโปรงหน้ารถจนเหวอไปเลย (เป็นผมก็คงวิ่งหลบไปตั้งหลักไกลๆ เลยล่ะครับ) แล้วไปๆ มาๆ เขากับจอห์นก็ซี้กันไปเลยครับ เพราะมีการพูดคุยผ่านทางวิทยุ ซึ่งบทหนังก็ฉลาดอีกแล้วครับที่ให้จอห์นได้เล่าเรื่องชีวิตผ่านทางวิทยุเนี่ย

และอีก 2 คนที่ต้องพูดถึง คนแรกคือ อาไจล์ครับ เด็กผิวดำที่ขับรถมารับมาส่งจอห์นครับ พี่แกเพิ่มเสียงฮาได้ดีมากทีเดียว เอาแค่ตอนต้นเรื่อง เพลงที่แกเปิดเป็นเพลงแร็พน่ะครับ แต่ปากดันบอกว่า “ต้องนี่เลยเพ่ นี่แหละเพลงคริสต์มาสล่ะ” เออ บ้ากันดีครับ

คนที่สองคือ William Atherton ครับ ในบทริชาร์ด ธอร์นเบิร์ก นักข่าวจอมยุ่งที่ทำให้ครอบครัวจอห์นต้องตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น อันนี้ด่านักข่าวเต็มๆ ครับ ไอ้พวกที่ชอบเจือกขุดคุยข่าวแบบไม่ดูน่ะนะครับ ไอ้ที่พี่แกโดนไปตอนท้ายนั่นสมควรแล้วจริงๆ
กล่าวคือหนังมันน่าติดตามเรื่อยๆ เลยครับ ช่วงต้นอาจจะช้านิดหน่อย แต่พอผู้ร้ายโผล่เท่านั้นแหละ กระสุนปลิวว่อน ตามด้วยการชิงไหวชิงพริบ การช่วยตัวประกัน แล้วก็การแก้เกมที่ผู้ร้ายวางหมากไว้ แล้วก็มีการผ่อนโดยให้จอห์นมานั่งคุยปูมหลังกับอัล

โดยส่วนตัวผมชอบภาค 1,3,4 มากๆ พอๆกันเลย สำหรับสามภาคนี้ โดนใจสุดๆ แต่ถ้าเอาแค่ประทับใจและชอบมากสุดๆ คงจะ ภาคหนึ่ง ส่วนทางด้าน Die Hard ในปี 1988 กำกับโดย John McTirrenan ผู้กำกับมือทองเรื่อง Predator ซึ่งเป็นผลงานแอ็คชั่นเต็มตัวครั้งแรกของพี่แก ซึ่งแสดงให้คนดูทั่วโลกให้เห็นว่า ข้อคนนี้เแหละ จะสร้างตำนานแอ็คชั่นดีๆให้ดูกัน แล้วเขาก็ทำได้จริงๆ ภาคแรก คือ องค์ประกอบที่สมบรูณ์แบบที่สุด ทั้งการแคสนักแสดงมาเล่น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านพระเอก หรือฝั่งตัวร้าย ก็แสดงได้ดีพอกัน

ฉากแอ็คชั่นที่ไม่เว่อร์มากแต่เน้นความดิบ เถื่อน ลงไป เป็นหนังแอ็คชั่นตึกปิดตายเรื่องแรกๆที่สร้างปรากฎการณ์ได้ดีทีเดียว ผมชอบไอเดียหนังภาคนี้ด้วย คือ พระเอกไม่ทันตั้งตัวพร้อมรับมือโจร แต่ต้องคอยคิดแผนกำจัดโจร ที่สถานที่ปิด ที่เต็มไปด้วยโจรทั่วตึก ภาคแรกที่แสดงความตายยากของจริง เริ่มตั้งแต่ป๋าแม็คเคลนดุ่มๆออกมากลางงาน โดยแค่สวมเสื้อกล้าม ไม่ทันใส่รองเท้า ก็ต้องหนีตายออกมา ไหนจะฉากพี่แกอัดกับผู้ร้ายแทบเป็นแทบตายอีก ขโมยระเบิดซีโฟร์มาใช้ถล่มตึก คอยว.ไปกวนทีนตัวร้าย ว.ไปหาตำรวจนอกตึก ตัวเลอะเลือดสุดจะเลอะเทอะ เดินลุยเท้าเปล่าเหยียบเศษแก้ว ไหนจะโดดตึกระฟ้าลงมาอีก สุดๆเลยอะป๋าแม็คเคลน รีวิวหนังบู้

ชื่อภาษาอังกฤษ : Die Hard
ชื่อภาษาไทย : นรกระฟ้า
ประเภท : ภาพยนตร์
แนว : แอ็คชั่น / ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ : John McTiernan
ค่าย : 20th Century Fox
ฉาย : 20 กรกฏาคม 1988