รีวิว THE POST
แล้วในวันนี้จอมมารอาชญากรรมก็จะมารีวิวหนัง แนวสืบสวนสอบสวน อาชญากรรมกันอีกแล้วนะจ๊ะ เพื่อให้ทุกคนได้อ่านเพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งหนังที่จะมาแนะนำวันนี้นั้นคือ เรื่อง THE POST (2017) หรือชื่อไทยคือ เอกสารลับเพนตากอน แผนการปกปิดที่ยาวนานครอบคลุมช่วงเวลาของประธานาธิบดีสหรัฐฯสี่คน ดูหนังออนไลน์2021 พากย์ไทย ได้ผลักดันนักหนังสือพิมพ์หญิงคนแรกของประเทศและบรรณาธิการผู้มุ่งมั่น ให้ร่วมมือกันในการต่อสู้ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ระหว่างนักหนังสือพิมพ์และรัฐบาล ได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริง
ย้อนกลับไปเมื่อสมัยสัก 50 – 60 ปีก่อน จะมีเหตุการณ์ที่สำคัญของโลกที่คนไทยอย่างเราเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องนั่นก็คือ สงครามเวียดนาม สงครามครั้งนี้ถือว่าเป็นสงครามตัวแทนที่รบกันระหว่างเวียดนามใต้ตัวแทนฝ่ายประชาธิปไตยที่มีสหรัฐเป็นผู้สนับสนุนไม่ว่าจะส่งกำลังทหารร่วมรบหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ รวมไปถึงไทยเราที่ส่งกำลังพลไปร่วมรบด้วย ส่วนอีกฝ่ายก็คือเวียดนามเหนือที่เป็นตัวแทนฝ่ายคอมมิวนิสต์โดยมีสหภาพโซเวียตเป็นผู้สนับสนุน
ในขณะที่เราได้เคยรับรู้เพียงแค่ว่าสหรัฐเพียงแค่ส่งคนไปรบในช่วงเวลาดังกล่าวแต่แท้ที่จริงสหรัฐเข้าไปเกี่ยวพันกับ ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก เวียดนามในเรื่องต่างๆ มานานนับสิบปีก่อนสงครามจะอุบัติขึ้นแต่ประชาชนไม่เคยได้รับรู้ความจริง หนังแนวการเมืองเข้มข้นเรื่องนี้เป็นผลงานกำกับของพ่อมดแห่งฮอลลีวู้ดผู้คร่ำหวอดในวงการ สตีเว่น สปีลเบิร์ก และแสดงนำโดยดาราชายคู่บารมี ทอม แฮงค์ ร่วมด้วยดาราเจ้าบทบาท เมอรีล สตรีป แค่สองคนนี้ก็ทำให้เรานึกภาพตามได้ว่าจะจัดใหญ่ขนาดไหน
เมื่อเกือบ 3 ปีที่แล้ว คือปีที่ หนังเรื่อง Spotlight ภาพยนตร์เกี่ยวกับทีมข่าวผู้ขุดคุ้ยคดีล่วงละเมิดทางเพศในเด็กของบาทหลวงเข้าฉาย และนั่นคือการแสดงให้เห็นถึงการฉายแสงส่องไปยังจุดดำมืดเพื่อให้ความจริงปรากฎ ความจริงสุดเลวร้ายที่ถูกปกปิดมานาน จนมาในปี 2018 นี้ มีภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องเข้าฉายคือ The Post ภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องของสำนักข่าวหนังสือพิมพ์ The Washington’s Post กับการตีพิมพ์ข่าวเพื่อเปิดเผยว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังปกปิดความจริงในเหตุการณ์สงครามเวียดนาม ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ถูกโกหกมายาวนานกว่า 30 ปี ในรัฐบาลประธานาธิบดีหลายสมัย
หนังบอกเล่าเรื่องราวของการรั่วไหลของเอกสารรายงานลับสุดยอดที่มีความสำคัญเพราะเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐต่อเวียดนามของฝ่ายความมั่นคงในปี 1971 ที่รวบรวมโดย โรเบิร์ต แม็คนามาร่า ( บรูซ กรีนวู้ด ) อดีต รมว.กลาโหมหลายสมัย ซึ่งรัฐบาลได้โกหกประชาชนมาตลอด 30 ปีไม่ว่าจะบอกว่าตนไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของเวียดนาม หรือบอกกับประชาชนว่าสหรัฐกำลังจะชนะสงคราม ทั้งที่ความเป็นจริงนั้นตรงข้ามกับสิ่งที่รัฐบาลบอกโดยสิ้นเชิง ปรากฏว่าเอกสารชิ้นแรกที่รั่วไหลออกมาถูกนำมาตีพิมพ์ในนสพ.นิวยอร์คไทมส์ คู่แข่งคนสำคัญของนสพ.วอชิงตันโพสต์ที่มีเจ้าของคือ แคเทอรีน แกรห์ม ( สตรีป ) ดูหนังออนไลน์2021 พากย์ไทย หญิงม่ายไฮโซผู้รับช่วงกิจการต่อจากสามี
ซึ่งในขณะนั้นแกรห์มกำลังจะนำวอชิงตันโพสท์เข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อขายหุ้นให้กับเอกชนรายอื่นๆ เมื่อข่าวสำคัญระดับโลกได้ถูกคู่แข่งแซงหน้า บรรณาธิการบริหารของวอชิงตันโพสท์อย่าง เบน แบรดลี่ย์ ( แฮงค์ ) จึงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้กลับมาแซงหน้าคู่แข่งให้ได้ แล้วโชคก็เข้าข้างวอชิงตันโพสท์ที่จู่ๆ ก็ได้รับสำเนาเอกสารลับชิ้นนั้นมา รวมไปถึงการ ที่ มีเหตุการณ์ ศาลที่เคราพ สูงสุดสหรัฐเอมิริกา สั่งห้าม ไม่ให้นิวยอร์คไทมส์ นิตยาสาร ข่าวสารชื่อดังของโลก ตีพิมพ์เรื่องดังกล่าว ทำให้แกรห์มต้องตัดสินใจโดยมีอนาคตของวอชิงตันโพสท์เป็นเดิมพันว่าจะตีพิมพ์เอกสารลับเรื่องนี้เพื่อแสดงให้เห็นถึงจรรยาบรรณและเสรีภาพสื่อ หรือจะไม่ตีพิมพ์เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการเสี่ยงต่อการเลิกกิจการทำให้นักลงทุนอาจจะไม่กล้าซื้อหุ้นของนสพ.รวมถึงการที่เธออาจติดคุกจากเรื่องนี้ได้
หนังเรื่องนี้ คือการโคจรมาร่วมงานกันครั้งแรกระหว่าง เมอร์รีล สตรีฟ กับ ทอม แฮงก์ และพ่อมดแห่งวงการฮอลลีวู้ดอย่าง สตีเวน สปีลเบิร์ก นอกจากนักแสดงและผู้กำกับคุณภาพที่มีรางวัลออสการ์การันตีแล้ว เราก็ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่ดึงดูดใจให้เข้าไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้มากกว่าเรื่องราวที่หนังต้องการจะนำเสนอ หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวในช่วงเปลี่ยนผ่านของสำนักพิมพ์ The Washington’s Post หลังจากการจากไปของ ฟิล แกรห์ม ทำให้ แคทเธอรีน เคย์ แกรห์ม กลายเป็นหญิงหม้ายที่ต้องขึ้นมารับตำแหน่งเจ้าของธุรกิจหนังสือพิมพ์ของครอบครัว ทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยจับงานด้านนี้มาก่อน เธอมีเพียงความรักในหนังสือพิมพ์เท่านั้น
ท่ามกลางความกดดันที่จะพาบริษัทของตระกูลเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เพื่อความมั่นคง เธอยังต้องตัดสินใจในประเด็นที่ต้องเดิมพันทั้งหมดในชีวิต เมื่อ The Washington’s Post ได้รับเอกสารกว่า 4,000 หน้าที่เปิดเผยถึงการหลอกลวงของรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับเรื่องสงครามเวียดนาม เป็นคำหลอกลวงที่มอบให้กับประชาชนมาหลายยุคสมัยของประธาธิบดี กว่า 30 ปี จนเรื่องมาแดงเข้าในยุคของประธานาธิบดีนิกสัน
รีวิว THE POST วิเคราะห์จากมุมมอง
และต้องขอบอกเลยว่า ถึงแม้ว่าหนังอาจจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับสงครา มเวียดนามแต่ก็มีฉากที่เกี่ยวกับสงครามค่อนข้างน้อย แต่ฉากดังกล่าวก็ถือว่าเป็นฉากที่สำคัญต่อจุดเริ่มต้นของเรื่องที่ถือว่าสปีลเบิร์กนำมาจัดวางไว้ได้อย่างดี ทำให้เราเข้าใจอารมณ์ของตัวละครว่าเหตุใดจึงต้องการตีแผ่เรื่องลับนี้ รีวิวหนังบู้
บอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้มีความตื่นเต้นเร้าใจสักเท่าไรนักเพราะเนื่องจากเป็นหนังการเมืองซึ่งอารมณ์จะคล้ายๆ เรื่อง Bridge of Spies( 2015 ) ที่เน้นในเรื่องของการเชือดเฉือนคำพูดและบทสนทนาที่ชาญฉลาด แต่ทว่าเรื่องนี้นั้นจะมีความจริงจังและซีเรียสกว่า สิ่งหนึ่งที่ผมชอบในหนังก็คือการที่หนังเสนอกรรมวิธีการผลิตหนังสือพิมพ์ขึ้นมาสักฉบับหนึ่งจะต้องมีหลายขั้นตอนที่ยากเย็นมากผิดกับสื่อออนไลน์ทุกวันนี้ที่หยิบยกประเด็นอะไรมาพิมพ์แล้วก็โพสต์ลงโลกโซเชี่ยลอย่างง่ายดาย ขณะที่หนังสือพิมพ์จะต้องมีการเรียงพิมพ์ มีการทำบล็อก มีการพิมพ์ การนำไปแจกจ่ายตามร้านรวงต่างๆ
เพื่อขายทำให้เรามีความรู้สึกเสียดายที่สื่อเหล่านี้กำลังจะหมดและตกยุคไปเพราะตอบสนองไม่ทันความต้องการของผู้บริโภคสื่อ อีกส่วนที่ผมชอบก็คือการที่หนังนำเสนอเรื่องราวที่เป็นลักษณะคู่ขนานกันไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเรื่องราวของแกรห์มที่เป็นเจ้าของจะนำเสนอเรื่องราวของการนำหนังสือพิมพ์เข้าตลาดหลักทรัพย์หรือเสนอเรื่องราวของการใช้ชีวิตเป็นสาวสังคมที่หรูหราอยู่กับกลุ่มเพื่อนฝูงที่มาจากหลายวงการรวมถึงนักการเมืองโดยเธอไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับการที่หนังสือพิมพ์ของเธอถูกคู่แข่งนำหน้า และอีกเรื่องราวที่จะเป็นของบก.บห.อย่างแบรดลี่ย์ที่จะต้องจัดการเกี่ยวกับการทำข่าวที่มีความจริงจังและซีเรียสที่จะเอาชนะคู่แข่งให้ได้
ซึ่งสุดท้ายทั้งคู่ก็จะมาบรรจบเรื่องราวกันเป็นห้วงๆ ถือว่าเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างชาญฉลาดของพ่อมดแห่งฮอลลีวู้ด ส่วนประเด็นเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม แน่นอนว่าสามารถทำได้สมจริงเสมือนกับเป็นยุคสมัยนั้นเลย รวมไปถึงการแคสติ้งตัวละครที่ทำออกมาได้ค่อนข้างเหมือนตัวจริงมากๆ โดยเฉพาะแมคนามาร่า ผมมองว่าโคตรเหมือนเลย อีกเรื่องหนึ่งที่ผมชอบในหนังก็คือการที่หนังเอาเสียงพูดจริงๆ ของปธน.นิกสันที่สั่งการต่างๆ กับลูกน้องในเรื่องเทาๆ เกี่ยวกับเรื่องราวการรั่วไหลของเอกสารลับเพนตาก้อนและเรื่องอื่นๆ มาใส่กับการถ่ายภาพที่ทำเนียบขาวโดยเอาคนมาทำท่าทางเป็นนิกสันพูดโทรศัพท์แลดูเนียนตามากๆ ซึ่งเรื่องนี้ก็จะเป็นการต่อยอดไปสู่คดีวอเตอร์เกทอันโด่งดังต่อไป
หนังเรื่องนี้หากคนที่ไม่ได้ชื่นชอบหนังแนวการเมืองเข้มข้นอาจจะไม่ถูกใจ แต่ถ้าใครชอบแนวนี้ทำนอง State of Play (2009) หรือ Spotlight (2015) ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ผมให้ 9 เต็ม 10 ครับ เพราะเป็นแนวที่โดนใจ หักนิดหน่อยตรงที่บางช่วงมันดำเนินเรื่องไปค่อนข้างยืดเยื้อทำให้น่าเบื่อไปบ้าง อย่างไรก็ตามแค่ชมการแสดงของสองดารานำก็คุ้มค่ากับตั๋วแล้วครับ โดยเฉพาะฝีมือของผู้กำกับสปีลเบิร์กที่ต้องยอมรับว่ามือไม่ตกเลยจริงๆ พอดูจบแล้วผมก็มีความรู้สึกใจหายไปเหมือนกันกับการที่สื่อสิ่งพิมพ์ทุกวันนี้ที่เริ่มล้มหายตายจากไป ซึ่งไม่ได้เกิดเฉพาะบ้านเราต่างประเทศก็เป็นเหมือนกัน รู้สึกเห็นใจการทำงานที่ยากลำบากของนักหนังสือพิมพ์ในขณะที่สื่อโซเชี่ยลค่อนข้างมักง่ายหยิบยกข่าวมาโดยไม่กรองก่อนเลย อีกสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เราได้เห็นก็คือ สื่อต่างๆ นั้นควรมีเสรีภาพไม่ควรถูกจำกัดสิทธิห้ามนำเสนอเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน และรัฐบาลไม่ควรปิดหูปิดตาของประชาชนเพราะนั่นถือเป็นการกระทำที่ผิดต่อผู้ที่คุณดูแลอย่างร้ายแรง รีบๆ ดูนะครับก่อนจะออกจากโรงเพราะรอบฉายและโรงจำกัดอยู่เหมือนกัน
อะไรที่ทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับคำชม
หนังเรื่อง The Post ของสปีลเบิร์กพูดถึงบทบาทของนิวยอร์กไทมส์อย่างผิวเผิน จุดใหญ่ใจความของหนังมุ่งเน้นไปที่การตัดสินใจตีพิมพ์เอกสารลับเพนตากอนของแคธารีน แกรห์ม (เมอรีล สตรีป) บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาของวอชิงตันโพสต์เป็นสำคัญ ซึ่งว่าไปแล้ว ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่า ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก ทำไมหนังเรื่อง The Post ถึงเลือกเล่าจากมุมนี้
พูดง่ายๆ หากนี่เป็นเรื่องการขับเคี่ยวระหว่างหนังสือพิมพ์ซึ่งมีสถานะอันแข็งแกร่งอยู่แล้วอย่างนิวยอร์กไทมส์กับรัฐบาลนิกสัน หรืออีกนัยหนึ่ง มืออาชีพเจอกับมืออาชีพ เป็นไปได้ว่าดีกรีของการเอาใจช่วย หรือสถานะของการตกเป็นเบี้ยล่างก็คงไม่เท่ากับของวอชิงตันโพสต์ ซึ่งในตอนที่หนังพาผู้ชมไปรับรู้สถานการณ์เบื้องต้น พวกเขาเป็นแค่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่ทำเนียบขาวเพิ่งจะโทรศัพท์มาปฏิเสธไม่ให้นักข่าวเข้าร่วมทำข่าวงานแต่งของลูกสาวประธานาธิบดี
และไม่ใช่แค่นั้น หนังสือพิมพ์ยังอยู่ในช่วงที่ต้องทำตัวเป็น ‘เด็กดี’ เนื่องจากบริษัทกำลังระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่นั่นก็อาจจะเป็นเรื่องหยุมหยิมปลีกย่อยเมื่อเทียบกับการที่ แคธารีน แกรห์ม ผู้ซึ่งเป็นแม่บ้านมาตลอดทั้งชีวิต ทว่าเพราะการจากไปของสามี-นำพาให้เธอจับพลัดจับผลูต้องกลายมาเป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นั่นคือตอนที่ความท้าทายถาโถมเข้าใส่ตัวละครจากแทบทุกทิศทาง และเราจะมาจำแนกเรื่องราวออกมารวมๆ ได้ดังนี้
เธอแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับกิจการหนังสือพิมพ์ และต้องขอความเห็นจากที่ ปรึกษา ส่วนตัวตลอดเวลา สอง เธอเป็นผู้หญิง เพียงคนเดียว ในโลกที่แวดล้อมไปด้วยผู้ชาย และเห็นได้จะแจ้งว่าแทบไม่มีใครถือสาความคิดเห็นของเธอจริงๆ จังๆ สาม ในการตีพิมพ์เอกสารลับ คนหนึ่งที่จะได้รับบาดเจ็บที่สุดไม่ใช่ใครที่ไหน
พินิจพิเคราะห์ในแง่ของแนวทาง หนังเรื่อง The Post อาจจัดให้อยู่ในหมวดหมู่เดียวกับ หนังที่เล่าเรื่อง ของนักหนังสือพิมพ์ อย่าง Spotlight, Zodiac, All the President’s Men ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นหนังที่นอกจากเดินเรื่องเนิบนาบ มู้ดและโทนก็ยังมักจะเคร่งเครียดและหนักอึ้ง ส่วนหนึ่งของ The Post อาจหลีกเลี่ยงสภาวะเช่นนั้นไม่ได้ แต่สปีลเบิร์กก็ยังคงเป็นสปีลเบิร์กวันยังค่ำ วิธีการที่หนังดึงคนดูไปร่วมลุ้นระทึกกับสถานการณ์ที่ตัวละครต้องทำอะไรบางอย่างแข่งกับเวลาที่บีบคั้นและกดดัน หรือการกำหนดให้ผู้ชมเฝ้าคอยอะไรบางอย่างด้วยอาการกระวนกระวาย-ก็ช่วยทำให้นี่ไม่ใช่หนังในแบบที่ผู้ชมต้องดูไปกุมขมับไป และจริงๆ แล้ว เป็นหนังเขย่าขวัญการเมืองที่ดูสนุกโดยที่เราไม่ต้องรู้ภูมิหลังของเรื่องมากมาย