รีวิว Saving Private Ryan

หลายๆคนที่เป็น คอหนังสงคราม หนังเรื่องที่จะต้องห้ามลืม ห้ามพูดถึง และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังสงคราม ที่ดีที่สุดสำหรับใครหลายๆคน คงจะหนีไม่พ้น Saving Private Ryan อย่างแน่นอน เพราะด้วยเนื้อเรื่องที่ เข้มข้น ครบรส กลมกล่อม นี่คือหนังสงคราม ที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

 

รีวิว Saving Private Ryan

 

บอกเล่าเรื่องราว ของกลุ่มทหารยกพลขึ้นบกที่ Normandy หลังจากนั้น ไม่นานพวกเขา ได้รับภารกิจพิเศษ ให้ไปติดตามช่วยเหลือพลทหาร ไรอัน ลูกคนสุดท้ายของตระกูล ที่สูญเสียพี่ชาย 3 คนจากสงคราม เลยทำให้ทางกองทัพ อยากตอบแทนส่งเขาคืนสู่อ้อมอกครอบครัว ทำให้ร้อยเอก Miller นำทีมทำภารกิจ ให้สำเร็จพร้อมกับตั้งคำถาม ว่าทำไมต้องเอาชีวิตหลายคนไปเสี่ยงกับคนๆ เดียว พวกเขาก็มีครอบครัวต้องกลับไปหาเช่นกัน พวกเขาต้อง ต่อสู้กับศัตรูฝ่าแนวข้าศึกพร้อมๆ กับต่อสู้กับศึกคำถามในจิตใจไปด้วย หนังเรื่องนี้ เล่นแง่เรื่องความลึก ของจิตใจภายในตัวคนได้อย่าง ยอดเยี่ยม หากต้องการรับชม หนังเรื่องนี้ แบบภาพและเสียง คมชัด ต้อง ดูหนังฟรี4k

 

รีวิว Saving Private Ryan-1

 

ความยอดเยี่ยมของหนังเรื่องนี้การันตีคุณภาพด้วยการคว้ารางวัลออสการ์ 5 สาขา จากการเข้าชิงทั้งหมด 11 สาขา และยังคว้ารางวัลลูกโลกทองคำ 2 สาขา จากการเข้าชิงทั้งหมด 5 สาขาอีกด้วย เป็นสุดยอดหนังระดับ 5 ดาวเลยทีเดียว

Saving Private Ryan เป็นหนังสงครามที่ดี ที่สุดเท่าที่เคยดูมาของแท้เลย นี่เป็นหนังที่มี แรงบันดาลใจ มาจากเรื่องจริง ที่เป็นเรื่องราวของทหารกลุ่มหนึ่งในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากที่บุกขึ้นหาดได้เสร็จในวันดีเดย์ หลังจากนั้น 3 วัน ร้อยเอกจอห์น มิลเลอร์ได้ถูกมอบหมายภารกิจพิเศษโดยให้ไปตามหาและพาตัวพลทหารเจมส์ ไรอันกลับมาบ้านแบบมีชีวิต เนื่องจากพี่น้องของเขาทั้ง3คน ที่เป็นทหารเหมือนกัน ได้เสียชีวิตในสนามรบไปหมดแล้วในเวลาไล่เลี่ยกัน ( ในเรื่องจริง มีพี่น้องคนหนึ่งไม่ได้เสียชีวิต แต่ถูกทางกองทัพญี่ปุ่นจับตัวไป แต่มารู้ข่าวในภายหลัง ) นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของตระกูล

 

รีวิว Saving Private Ryan-2

 

ทั้งความสูญเสียและความรุนแรงจากการรบลาฆ่าฟันกัน ระหว่างพันธมิตร และ นาซีเยอรัมน มันทำให้ความรู้สึกที่ได้รับหลังจากดูแล้ว อินเข้าไปอยู่ในสุดขั้วหัวใจอยู่ตลอดกาลจนทุกวันนี้ก็ยังนึกถึง หากใครที่ยังไม่เคยได้ชมหนังเรื่องนี้ ก็แนะนำเลยครับว่าต้องหามาชมกันให้ได้ เพราะเป็นหนังอีกเรื่องที่แนะนำให้ได้ดูก่อนตาย

กำกับ สตีเว่น สปีลเบิร์ก
อำนวยการสร้าง เอียน ไบรซ์ /มาร์ก กอร์ดอน/แกรี่ เลวินซอห์น/สตีเว่น สปีลเบิร์ก
ขียน โรเบิร์ต โรดัท
นำแสดง ทอม แฮงค์/เอ็ดเวิร์ด เบิร์นส์/ทอม ไซส์มอร์/แบร์รี่ เป็ปเปอร์/วิน ดีเซล/จิโอวานนี่ ริบิซี่/อดัม โกลด์เบิร์ก/แมตต์ เดม่อน/เจเรมี เดวีส์

 

 

รีวิว Saving Private Ryan เนื้อเรื่องภายในหนัง 

เนื้อเรื่องรวมๆ เล่าถึงกองทัพทหารกลุ่มนึงซึ่งนำโดยผู้กองจอห์นที่พึ่งเคลียรเหล่าทหารของฮีตเลอร์ในวันดีเดย์เสร็จ ก็ได้รับภารกิจใหม่ให้ไปช่วยเหลือพลทหารไรอัน ซึ่งพี่น้องทั้ง 3 ของเค้าได้ตายในสงครามแล้ว ทางกองทัพเลยอยากนำตัวไรอันซึ่งเป็นลูกคนสุดท้ายกลับไปคืนแม่โดยที่ยังมีชีวิตอยู่ เลยส่งกองทัพของผู้กองจอห์นเนี่ยไปช่วยเหลือตามล่าหาไรอันที่โดดร่มหลงหายไปไหนก็ไม่รู้

หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่หลายคนยกขึ้นหิ้งว่าเป็นที่สุดของหนังสงคราม เพราะมีครบทุกรสชาติทั้งสนุก มันส์ เศร้า ซึ้งและดราม่า หนังสื่อสารกับผู้ชมถึงความโหดร้ายและความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากสงครามได้เป็นอย่างดี ฉากเปิดเรื่องประมาณ 15 นาทีแรกกับฉากตอนจบเป็นอะไรที่ประทับใจผู้ชมมานานหลายปี ฉากในเรื่องบอกเลยว่าฆ่าเป็นฆ่า เลือดเป็นเลือด ใครไม่ค่อยชอบเลือดอาจไม่เหมาะกับเรื่องนี้ แต่มันเป็นหนังดีที่ควรค่าแก่การชมจริงๆ สุดท้ายแล้วทหารมากมายได้สละชีวิตไปในปฏิบัติการณ์นี้ ไรอันได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยพร้อมกับความรู้สึกขอบคุณและคำถามที่เกิดขึ้นในใจไปตลอดชีวิตเช่นเดียวกัน

 

 

นักแสดงในหนังเรื่องนี้ Saving Private Ryan หากเอ่ยชื่อไป ทุกคนจะทราบกันดีเลยว่า ฝีมือการแสดงของเขาไม่ธรรมดา นั่นคือ ทอม แฮงค์ นักแสดงเจ้าของ 2 รางวัลออสการ์ ซึ่งแค่นี้ก็การันตีแล้วว่า เราจะได้ชมการแสดงระดับเทพที่จะทำให้เราเข้าใจในการเป็นผู้นำในการสู้รบของทหาร ในสงครามที่มันช่างโหดร้ายและรุนแรง ซึ่งเขาตีบทแตกและแสดงออกมาได้อย่างเข้าถึงบทบาทเป็นอย่างมาก จนทำให้เราผู้ชมต้องเสียน้ำตากันไปกับเขา และยังมีนักแสดงเจ๋ง ๆ อีกมากมาย อย่างเช่น วิน ดีเซล เรื่องนี้ก็กลายเป็น หนังแจ้งเกิดของเขาในวงการฮอลลีวูดเลย บอกเลยว่าห้ามพลาดด้วยเหตุผลใดๆทั้งสิ้น

แต่ในยุทธการยกพลขึ้นบกครั้งนี้ของสัมพันธมิตร นำมาซึ่งความสูญเสียของบุตรชาย 3 คนแห่งตระกูลไรอัน ซึ่งกองทัพสหรัฐได้ส่งจดหมายแสดงความเสียใจมาแก่คุณนายไรอัน แต่ทว่า ในการพิมพ์จดหมายนั้น เสมียนผู้พิมพ์พบถึงความสูญเสียของตระกูลไรอันแล้ว 3 คน ซึ่งยังเหลือเพียงบุตรชายคนสุดท้อง คือ พลทหาร เจมส์ ไรอัน (แมตต์ เดม่อน) ที่ตกอยู่ในแนวข้าศึกโดยไม่ทราบชะตากรรม จึงได้รายงานต่อผู้บังคับบัญชา (เดนนิส ฟารีนา) ซึ่งได้ตัดสินใจให้พาพลทหารไรอันกลับบ้านมาอย่างปลอดภัย

ภารกิจนำพลทหารไรอันกลับบ้านจึงตกแก่กองกำลังของร้อยเอกมิลเลอร์ ซึ่งมีผู้ใต้บังคับบัญชา 7 คน โดยที่แต่ละคนไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเสี่ยงชีวิตคนส่วนใหญ่เพื่อชีวิตคน ๆ เดียวด้วย โดยที่ระหว่างทางพวกเขาต้องประสบกับความสูญเสียเป็นอย่างมาก ซึ่งในท้ายที่สุด หลายคนได้เสียชีวิตรวมทั้งร้อยเอกมิลเลอร์ด้วย แต่ก่อนตาย เขาได้บอกแก่ไรอันว่า ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ซึ่งไรอันได้จดจำและสำนึกในบุญคุณของมิลเลอร์ไปตลอด

 

 

เบื้องหลังของหนังเรื่องนี้ 

แม้ว่าพล็อตของเรื่องจะเป็นการไปตามหาและช่วยชีวิตพลทหารเพียงนายเดียว แต่ผมคิดว่าวาระหลักๆของหนังเรื่องนี้น่าจะเป็นการให้คนดูได้เห็นความโหดร้ายของสงคราม (ซึ่งเป็นสิ่งทีสะท้อนอยู่ในหนังของสปีลเบิร์กหลายๆเรื่อง) ในหนังแนว action อื่นๆ เด็กๆดูแล้วอาจจะรู้สึกอยากเป็นทหาร แต่เรื่องนี้ดูแล้วรับรองว่าจะขยาดสงครามกันไปเลย โดยเฉพาะฉากยกพลขึ้นบกในช่วงต้นเรื่อง หนังทำออกมาได้สมจริง และรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของสงครามจริงๆ

Saving Private Ryan เป็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่และได้รับการจับตาเป็นอย่างมากในปี ค.ศ. 1998 อีกทั้งเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดประจำปีนั้นด้วย โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับความสูญเสียของกำลังทหารและชีวิตผู้คนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฉากเปิดเรื่องที่ยาวกว่า 10 นาที ที่เป็นการบุกหาดโอมาฮ่า ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสมรภูมิที่สูญเสียที่สุดของกองทัพสหรัฐอเมริกา ได้รับคำวิจารณ์ว่าทำได้เสมือนจริงอย่างมาก และหลายคนได้นำไปเปรียบเทียบกับภาพยนตร์แนวเดียวกันในอดีต อย่าง The Longest Day ในปี ค.ศ. 1962

 

 

การใส่มุขตลกเข้าไปในหนังสงครามเพื่อ balance ธีมของหนังไม่ให้หดหู่ หรือ กดดันมากเกินไป ดูจะเป็น Signature ของสปีลเบิร์กเลยหรือเปล่านะ เพราะเห็นมาหลายเรื่อง และเค้าทำได้ดีมากด้วย คือความจริงมันน่าจะเป็นอะไรที่แย้งกัน เหมือนพ่อครัวที่เอาวัตถุดิบสองอย่างที่ไม่น่าจะเข้ากันได้ แล้วปรุงออกมาเป็นอาหารที่รสชาติกลมกล่อมอย่างไม่น่าเชื่อ รีวิวหนังออนไลน์

เมื่อเข้าฉายแล้ว ได้รับการจับตาอย่างยิ่งว่าจะคว้ารางวัลได้หลายรางวัล ทั้ง รางวัลออสการ์หรือรางวัลลูกโลกทองคำ รวมทั้ง รางวัลอื่น ๆ ด้วย ซึ่งภาพยนตร์ก็คว้าได้หลายรางวัลด้วยกัน โดยเฉพาะการแสดงที่โดดเด่นอย่างมากของ ทอม แฮงค์ และเจเรมี เดวีส์ ที่รับบทเป็นพลทหารอับฮัม ที่ตื่นตระหนกตลอดเวลา เป็นเหมือนลูกไล่และจุดอ่อนของกองกำลัง

 

 

ซึ่งในระหว่างที่เข้าฉายนั้น ก็มีภาพยนตร์ในแนวเดียวกัน คือ The Thin Red Line ของทเวนตี้ เซนจูรี ฟอกซ์ เข้าฉายในเวลาเดียวกัน เสมือนเป็นคู่แข่งและคู่เปรียบเทียบ ในรางวัลออสการ์มีชื่อเข้าชิงมากถึง 11 รางวัล ประกอบไปด้วย รางวัลใหญ่ ๆ ด้วยกัน เช่น ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, บันทึกภาพยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม, บันทึกเสียงยอดเยี่ยม เป็นต้น คอหนังสงครามห้ามหลาดเด็ดขาด มีให้ชมแล้วบน ดูหนังออนไลน์