รีวิว Black Hawk Down
วันนี้ผมจะมารีวิวหนังสงคราม ในตำนาน เพื่อนๆ เมื่อนึกถึง หนังสงคราม คงจะมีคนชอบอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย ซึ่งวันนี้ผมมาจัดให้ ถ้าพูดถึงหนังสงคราม นี่คือหนังสงครามเรื่องแรกที่นึกถึง Black Hawk Down ผลงานการกำกับของ Ridley Scott ดัดแปลงจากหนังสือของ Mark Bowden ที่จัดเต็มด้วยทัพนักแสดงมากมาย ตื่นเต้นจนรอไม่ไหว อยากดูฉากรบกันมันส์ แบบภาพและเสียง คมชัด ดูได้ที่ ดูหนังออนไลน์4k
Black Hawk Down บอกเล่าถึงทหารอเมริกาที่ถูกส่งเข้าไปยังโซมาเลีย เพื่อช่วยเหลือประชาชนระแวกนั้น โดยใช้เฮลิคอปเตอร์นามว่า Black Hawk แต่มันก็โดนยิงตก จึงเกิดเป็นวลี ในชื่อหนังว่า “Black Hawk Down” ทำให้เหล่าทหารที่รอดชีวิต ที่ต้องพยายาม ดิ้นรนต่อสู้ อย่างสุดกำลัง ภายใต้วงล้อมของศัตรู ขอบอกไว้เลยว่านี่คือ หนังที่โคตรมัน เป็นหนังทดสอบ เครื่องเสียงที่บ้านคุณ ชั้นดี หลายคนอาจจะเคยเดินผ่านพวกโซนขายทีวีโฮมเทียร์เตอร์ หนังเรื่องนี้มักถูกเปิดทดสอบอยู่เสมอ คือถ้าคุณอยู่คอนโดเปิดลำโพงดูเรื่องนี้ดูตอนกลางคืนโดนข้างห้องกระทืบแน่นอน ความยอดเยี่ยมของมันส่งให้มันคว้ารางวัลออสการ์ถึง 2 สาขาเลยทีเดียวเหมาะสมสุด ๆ และที่สำคัญนี่คือ ความเลวร้ายของสงคราม
แล้วหลังจากที่สภานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันดูท่า ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไรนัก ผมจึงหยิบยกหนังเรื่องนี้ มารีวิวให้ทุกคนอ่านกัน ซึ่งเป็นหนังที่ผมยอมรับว่าดีมากๆ ในหมวดหมู่ของหนังสงคราม และที่สำคัญหนังเรื่องนี้ก็สร้างจากเรื่องจริง
หนังเรื่อง Black Hawk Down ยุทธการฝ่ารหัสทมิฬ อำนวยการสร้างโดย เจอรีย์ บรักไฮเมอร์ ยอดผู้อำนวยการสร้างชื่อดัง และเป็นผลงานของผู้กำกับชื่อดังชาวอังกฤษ ริดลีย์ สก็อตต์ แค่ชื่อก็การันตี ความสนุก และริดลีย์ สก็อตต์ ได้ฝากผลงานมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Gladiator , Alien , Hannibal และอีกมากมาย นับไม่ถ้วน ซึ่งแต่ละเรื่องก็เป็นหนังทำเงินในตาราง Box Office แทบจะทั้งนั้น และเรื่องนี้ก็เช่นกันครับ
เป็นหนังอีกเรื่องที่มันส์หยดตั้งแต่เริ่มจนจบ ทั้งตัวหนังและการถ่ายภาพ ที่สุดตื่นเต้นเร้าใจ โดยผู้กำกับได้ใส่ความมันส์ลงไปอย่างไม่ยั้งมือ แทบจะไม่ได้พักหายใจหายคอกันเลยทีเดียว หนังจบก็แทบไม่อยากลุกออกจากโรงเลยในตอนนั้น บอกเลยว่าใครพลาดแล้วจะเสียดาย ต้องไปหามาดูให้ได้ หรือถ้าหาไม่ได้ก็ไปดูที่ เว็บดูหนัง4k
ประจวบเหมาะเสียเหลือเกินที่ภาพยนตร์ Black Hawk Down มีฤกษ์เข้าฉายในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2001 ซึ่งเป็นช่วงหลังการเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งประวัติศาสตร์ได้ไม่นาน นั่นคือเหตุการณ์การก่อวินาศกรรม ในวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2001 หรือเรียกกันสั้นๆว่า 9/11 (Nine-One-One) ที่ถูกโจมตีโดยกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงในนามอัลกออิดะฮ์ ที่ได้กระทำการใช้เครื่องบินพุ่งชนตึกเวิร์ดเทรด และอาคารเพนตากอน จนทำให้เกิดความโกลาหลแตกตื่นไปทั่วทั้งเมือง ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้นเกือบ 3 พันคน
รีวิว Black Hawk Down ที่มาของหนังเรื่องนี้
เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ประธานาธิบดี จอร์จ บุช พุ่งเป้าตามล่าตัวหัวหน้ากลุ่ม อุซามะฮ์ บิน ลาดิน และเป็นการเปิดศึกครั้งยิ่งใหญ่กับสงครามทางด้านศาสนากับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง เล็งเห็นได้จากอุดมการณ์แน่วแน่ทางด้านภาพยนตร์นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เนื่องด้วยภาพของชาวมุสลิมในภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ด ได้ถูกทำการผลิตซ้ำซ้อน จนเป็นวาทกรรมอิสระ เพื่อปลุกปั่นทางด้านอุดมการณ์กล่าวหาชาวมุสลิมตะวันออกกลางคือผู้ก่อการร้าย ที่โหดเหี้ยมเยี่ยงผู้ร้ายและทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลกลางสหรัฐฯ และถูกจงเกลียดจงชังต่อคนทั่วทั้งโลก (ในปัจจุบัน ท่ามกลางรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ทำการแถลงการณ์เปิดเผยภาพการบุกเข้าสังหาร นาย อุซามะฮ์ บิน ลาดิน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว)
ถึงแม้ภาพยนตร์สงครามของผู้กำกับ ริดลี่ย์ สก็อตต์ อย่าง Black Hawk Down จะใช้บริบททางด้านเวลาที่ย้อนไปไกลถึงปี ค.ศ. 1993 แต่ด้วยการออกฉายหลังเกิดเหตุการณ์ร้ายๆ ในช่วงเวลาที่กะจิตกะใจของพวกเขากำลังดิ่งลงเหว ด้วยความหมดหวัง สิ้นหวัง ในช่วงเวลาที่พวกเขาต้องการกำลังใจ ต้องการการเยียวยาจากภาครัฐทั้งทางร่ายกายและจิตใจ แต่ไม่นานนักภาพยนตร์ Black Hawk Down ก็เข้าฉายพอดิบพอดี ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเปรียบเสมือนพระเอกขี่ม้าขาว ที่เข้ามากอบกู้หนทางเยียวยาวอันสว่างไสวของประเทศสหรัฐฯโดยฉับพลัน
เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้ได้รวบรวมเอานักแสดงยอดฝีมือมากมาย ที่ฝากผลงานการแสดงมามากมายหลายต่อหลายเรื่อง มาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น จอช ฮาร์เน็ท , ทอม ไซมอร์ , อีริก บานา , ยวน แม็คแกรเกอร์ , แซม เชฟเพิร์ต , วิลเลี่ยม ฟิชต์เนอร์ และยังร่วมด้วยนักแสดงหน้าใหม่ซึ่งปัจจุบัน ได้กลายมาเป็นนักแสดงแถวหน้าของวงการอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็น ออร์แลนโด บรูม ที่โด่งดังกับหนังเรื่อง ไพเรท ออฟดิคาริเบี้ยน หรือ เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง หรือจะเป็น ทอม ฮาร์ดี้ คนนี้ต้องบอกเลยว่า หนังเรื่อง Black Hawk Down ยุทธการฝ่ารหัสทมิฬ เป็นหนังเรื่องแรกของเขาในการแสดงหนังฮอลลีวูดอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันเราก็ทราบกันดีว่า มือการแสดงของเขาไม่ธรรมดา
ซึ่งก็เรียกได้ว่า ถ้าหากเราย้อนกลับไปเปิดดูหนังเรื่อง Black Hawk Down ยุทธการฝ่ารหัสทมิฬ ในตอนนี้ เราจะได้เห็นนักแสดงชั้นนำแนวหน้ามารวมกันในหนังเรื่องนี้ กันอย่างคับคั่ง แทบทุกซีน ทุกฉาก ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นหนังคุณภาพทั้งตัวของหนัง และตัวของนักแสดง
เนื่องด้วยภาพยนตร์เรื่องนี้มิได้ตั้งอยู่ในอุดมการณ์ในการผลิตขึ้นเพื่อเยียวยาทางจิตใจในเหตุการณ์ 9/11 แต่ถูกผลิตขึ้นเพื่อสร้างความเข้าอกเข้าใจอันดีต่อคนในประเทศและนอกประเทศในสงครามโซมาเลียที่โมกาดิซู แต่ด้วยความบังเอิญในระยะเวลาของการเข้าฉาย จึงทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจเรียกได้ตามสำนวนบ้านๆของไทยว่า “การยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว”
เนื่องด้วยบริบทของภาพยนตร์ Black Hawk Down ที่กล่าวถึงเหตุสงครามกลางเมืองของประเทศโซมาเลีย ที่เกิดเหตุการณ์ปะทะกันสองฝ่ายของรัฐบาลชั่วคราวกับกองกำลังติดอาวุธอิสลามหัวรุนแรง ซึ่งนำโดย โมฮัมเมด ฟาราห์ ไอดิด ทำให้เกิดภาวะผู้คนขาดแคลนอาหารอดอยากล้มตายเป็นจำนวนมาก (ประมาณ 3แสนคน) ทางสหประชาชาติ(UN) จึงได้เข้ามาดูแล เพื่อส่งอาหารให้กับประชาชน แต่เนื่องจากกองกำลังสหประชาชาติไม่สามารถใช้อาวุธในการช่วยเหลือประชาชนจากการถูกทำร้ายได้นอกจากการป้องกันตัวเองเท่านั้น ทำให้กลุ่มต่อต้านพวกอิสลามหัวรุนแรง ไม่ได้เกรงกลัวทางกองกำลังสหประชาชาติแต่อย่างใด
นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในบริบทของโลกแห่งความเป็นจริง และหากกล่าวกันอย่างรวบรัด สุดท้ายทางกองกำลังสหประชาชาติก็ไม่สามารถรักษาสันติภาพในโซมาเลียได้ มิหนำซ้ำทาง สหประชาชาติ ยังสังเวยชีวิตทหารจากเหตุการณ์ครั้งนี้อีกนับไม่ถ้วน และหากเฉพาะเจาะจงไปยังเพียงประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวที่ชัดเจนว่ามักจะแสดงความเป็นหัวหน้าหรือผู้นำในทุกๆทาง ได้จัดตั้งหน่วยของตัวเองขึ้น เพื่อเข้าไปจับตัว บุคคลสำคัญสองราย เพื่อหวังว่าสามารถโยงใยไปถูกหัวหน้าอย่าง ไอดิด และจะเป็นหนทางอันสงบสุขของโซมาเลียโดยเร็ว แต่หนทางมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แม้ว่าพวกเขาจะสามารถจะจับบุคคลอันเป็นเป้าหมายได้ก็ตาม แต่กลับกลายเป็นว่า เครื่องบินของทหารอเมริกัน ถูกยิงตก เป็นผลให้ ชาวบ้านกองกำลังติดอาวุธของโซมาเลีย ลากศพของนักบินอเมริกันมากระทืบซ้ำ และเผยแพร่ข่าวออกไปทั่วทั้งโลก
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปยังจิตใจของชาวอเมริกันทั่วทั้งประเทศ เนื่องด้วยการถูกปลูกฝังถึงความเป็นมหาอำนาจยิ่งใหญ่ของโลก แต่กลับถูกย่ำยีเกียรติศักดิ์ศรีด้วยประเทศเล็กๆ ผิวดำ จากการลากทหารของพวกเขาไปรุมประชาทัณฑ์ ทำให้เกิดการตั้งข้อสงสัยจากประชาชนที่จิตใจเปราะบาง ว่า พวกเราจะเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับประเทศของเขาทำไม และเพื่ออะไร จึงเกิดการต่อต้านประท้วงและประณามกองทัพสหรัฐฯจากประชาชนในชาติของพวกเขาเองรวมทั้ง การถูกซ้ำเติมจากประเทศต่างๆทั่วโลก เหตุการณ์นี้จึงถือเป็นเหตุการณ์อันอัปยศอดสูต่อประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว
มีจุดหนึ่งในภาพยนตร์ที่น่าสนใจที่โยงใยคิดต่อเนื่องเป็นเกลียวคลื่นได้ก็คือ เหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Down นั้นมีการให้ภาพของพวกฝั่งต่อต้าน กำลังทำละหมาดในตอนเช้า ด้วยการเน้นยำอย่างมีเล่ห์นัย ในการทำละหมาดซึ่งแน่นอนเป็นการสื่อสารทางภาพที่บ่งบอกถึงความแตกต่างชัดเจนถึงพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งเป็นการเน้นย้ำในแง่ของความแตกต่างในการทำสงครามครั้งนี้ เพราะหลังจากพวกต่อต้านทำละหมาดเสร็จ พวกเขาเหล่านั้นก็หยิบปืนพร้อมรบในทันทีท่วงที นี่อาจเป็นภาพอันสร้างความแตกต่างในทางศาสนา หรือ อาจเป็นการสะท้อนถึงการเป็นสงครามศาสนาไปในตัว
จุดที่เชื่อมโยงกับความจริง
หากลองมองในบริบทต่อมา ช่วงที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย ก็มีเหตุการณ์ 9/11 ที่เกิดจากอิสลามหัวรุนแรงเช่นกัน และหลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น การเข้าร่วมสงครามทั้ง อิรัก หรือ อัฟกานิสถาน ซึ่งทั้งหมดเป็นความแตกต่างจากศาสนาเช่นกัน นี้จึงเป็นมูลเหตุที่น่าคิดในการให้ภาพเหล่านี้ ที่เป็นผลพวงต่อเนื่องให้เห็นภาพในโลกแห่งความเป็นจริง
จึงอาจเป็นเหมือนนัยแทรกซ้อนแห่งอุดมการณ์ที่ถูกนำมาใช้ในโลกของภาพยนตร์ ถ้าพูดอย่างเข้าใจง่ายๆก็คือ โลกของภาพยนตร์นั้นไม่ต่างจากตัวทดสอบอุดมการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ในทันทีที่ถูกฉายออกสู่สาธารณชนแล้ว ก็เป็นการบอกว่าโลกเสมือนแห่งศิลปะกำลังถูกสะท้อนให้เป็นเรื่องจริงในทันที ในกรณีจึงอาจทำนายบางอย่างได้ว่า หากภารกิจหรืออุดมการณ์ใดๆถูกผลิตซ้ำๆ ในโลกของภาพยนตร์ สิ่งเหล่านั้นไม่ต่างจากโลกเสมือนแห่งความเป็นจริงก็ไม่ปาน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงเป็น กรณีศึกษาอันดี ในการใช้สื่อภาพยนตร์เพื่อบ่งบอกและตอกย้ำทางด้านอุดมการณ์ของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นประเทศหนึ่งประเทศใดได้เป็นอย่างดีในที่นี้เฉพาะอเมริกา อีกทั้งยังเป็นการแก้ต่างในการไขข้อขุ่นมัวสงสัยให้กระจ่างชัดภายในเวลา 2 ชั่วโมง จากเหตุการณ์อันเป็นเรื่องอัปยศของประเทศนั้นๆ ดังนั้นภาพยนตร์จึงไม่ใช่เพียงความบันเทิงชั่งค้างข้ามคืนเท่านั้น
แต่สิ่งที่อดชมไม่ได้ก็คือ ถึงแม้ว่าแก่นความคิดของเรื่อง ถ้าหากเอ่ยปากเปล่าเป็นนโยบายโต้งๆขึ้นมา มันจะเป็นการแสดงความคิดเห็นไม่ต่างไปจากโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองของสหรัฐอเมริกาก็ไม่ปาน แต่ด้วยความชาญฉลาดที่ใช้ในสื่อสารทางภาพยนตร์นั้น จะเล็งเห็นได้ว่า มิได้เป็นการแสดงใดๆที่บอกถึงการยัดเยียดทางอารมณ์เลย เพราะภาพยนตร์นั่นใช้องค์ประกอบทางภาพยนตร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่เรื่องของบทภาพยนตร์ ภาพ กล้อง เสียง
ทำให้เชื่อเหลือเกินว่า ภาพยนตร์สงครามเรื่องนี้จะเข้าไปสถิตอยู่ในใจของผู้ชมหลายๆ คน ด้วยเรื่องราวของมิตรภาพของเพื่อน และอาจถึงขั้นบ่อน้ำตาแตกโดยไม่ทันรู้ตัว นี้จึงเป็นหนังสงครามที่ครบสมบูรณ์ ที่เร่งเร้าอารมณ์สนุกสนานได้อย่างแน่นอน การใช้จังหวะแห่งการตัดต่อที่มีผลทางด้านอารมณ์ และการแทรกอารมณ์ขันอยู่ในเรื่องราวตลอดเวลา และมั่นใจได้ว่า คุณผู้ชมจะต้องหลงใหลและคล้อยตามกับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแน่นอน
หากชอบการรีวิวหนัง สปอยหนัง ติดตามได้ที่ รีวิวหนังออนไลน์