รีวิว Fury
นี่คือหนังสงครามที่เป็นเรื่องราวของ ช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง พนักงานพิมพ์ดีด อย่างหนุ่มอย่างนอร์แมน ที่จะต้องมาเป็นทหารเด็กใหม่ ประจำหน่วยรถถังที่ชื่อ FURY ที่มีหัวหน้าทีมอย่างดอน กับลูกน้องอีก 3 คน เด็กใหม่ก็เป็นที่ ถูกรังแกของนายทหารเก่าว่า ซี้ซั๊วะ มั่วซั่ว จะกลับอะไรนักหนา ทำอะไรไม่กล้า ไม่ได้เรื่อง สักที ดูจะทำงานไม่ได้เรื่อง แน่นอนว่านอร์แมน ถูกฝึกมาพิมพ์ดีดให้เร็ว 60 คำต่อนาที ไม่ได้ให้ถูกฝึกมาจับปืนฆ่าคน แต่เมื่อเขาต้องมาอยู่ ในรถถังนี่แล้ว เขาก็ต้องพร้อมสู้ไปกับมัน พร้อมได้เห็น ถึงความสัมพันธ์และชะตากรรม อันโหดร้ายของมนุษย์ ด้วยกันเองที่ทำกันลงคอ ในสมรภูมิสงคราม เรื่องราวสุดมันส์น่าสนใจนี้จะจบลงเช่นไร ติดตามต่อได้ที่ ดูหนังฟรี4k
จากฝีมือการกำกับและเขียนบทของ David Ayer โคตรอภิมหาเทพ มือทอง ที่ได้ดาราระดับ แม่ทัพจอมพลอย่าง Brad Pitt มาแสดงนำ กับเรื่องราวของ พลหน่วยรถถัง ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้รับภารกิจ ให้ฝ่าการป้องกัน ที่แน่นหนาของเยอรมัน โดยการใช้รถถังตัวเก๋า ของอเมริกาชื่อได้รับการขนานนามว่า Fury บุกตะลุยฝ่ากองทัพนาซีเข้าไปใ จกลางจุดยุทธศาสตร์ และอีกเช่นเคย เรื่อง นี้ก็อิงมาจากสงครามจริงๆ ทีสร้างจากเรื่องจริง และเหตุการณ์นี้คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้อเมริกา ได้รับชัยชนะในสงครามโลกครั้งนี้ ดูหนังออนไลน์4k
นี่คือหนังสงคราม ที่เราไม่ค่อยได้เห็นกันนัก เพราะมันเป็นการประจัญบาน ของรถถังแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ระทึก ตื่นเต้น ระเบิด ตูมตาม นรกแตก โดยปกติเราจะเห็นทหารราบวิ่งยิงกัน หรือแบบเครื่องบินรบ แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้ง ที่ได้เห็นหนังสงครามที่ใช้รถถังเป็นพระเอก นอกเหนือจากความมันส์หยด หนังยังมีแง่มุมของความดราม่า แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงครามอยู่เช่นกัน ที่ถึงแม้จะไม่มีรางวัลติดมือ แต่โคตรมันส์ โคตรชอบ โคตรอันตรายเลยว่ะหนังเรื่องนี้
อันที่จริงแก่นของหนังสงคราม นั้นคงหนีไม่พ้นประเด็น ไม่กี่อย่างนั่นคือ การนำเสนอความรักชาติ และพวกพ้อง ผลพวงจากสงคราม รอยบาดแผลและคราบเลือด รวมไปถึงคราบน้ำตา หรือการแสดงฉากรบราฆ่าฟันกันระหว่าง ฝ่ายดีและฝ่ายศัตรู
ตัวละครหลักในเรื่องมีแค่สองฝ่ายสองประเทศเท่านั้น คือ อเมริกาเป็นพระเอกและเยอรมันเป็นตัวร้าย ดังนั้นเราจึงไม่ถือว่า Fury เป็นหนังสงครามโลกซะทีเดียว เพราะมันคือ “สงครามเพื่อความอยู่รอด” โดยเฉพาะ Final Battle คือฉากสู้เพื่ออยู่รอด มากกว่าสู้เพื่อชาติ
และถึงฉากในหนังแทบทั้งหมด จะเป็นฉากในสนามรบ แต่ก็ไม่ได้ สร้างความตื่นเต้น หรือระทึกขวัญ หนักๆตลอดทั้งเรื่อง ช่วงแรกๆ หนังค่อนไปทาง ดราม่า มากกว่า ซึ่งอาจไม่ค่อยถูกใจคอหนังบู๊เลือดเดือด สักเท่าไร โดยเฉพาะช่วงที่ พูดอิงพระเยซูหรือพระคัมภีร์ไบเบิลนั้น ชาวพุทธอย่างเราอาจเข้าไม่ถึงไปบ้าง แต่รับประกันได้ว่า ในส่วนของฉากสมรภูมิรบนั้น สร้างความตื่นเต้น แบบเน้นๆ สนุก และลุ้นระทึกระดับห้าดาว ไม่ผิดหวังแน่นอน โดยเฉพาะ การต่อสู้สุดท้าย ที่เหลือแต่รถถังของพระเอกคันเดียว ปะทะกับกองทัพเยอรมันกลางสี่แยกนั้น โคตรน่าประทับใจ
แน่นอนว่า หนังสงครามแล้ว ขึ้นชื่อว่าคนชนชาติใด เป็นผู้สร้างก็มักจะต้องเขียนบท “เข้าข้าง” ประวัติศาสตร์ชาติ ของตัวเองไว้ก่อนอยู่แล้ว ถ้าให้พูดตรงๆ ก็คือหนังสงครามส่วนมาก ก็มักจะปลุกกระแสชาตินิยมเป็นปกติ และมักจะต้องโยนความผิดหรือพยายามทำให้อีกฝ่ายหนึ่งดูมีความ ชอบธรรม เป็นคนดี เป็นฮีโร่ ช่วยเหลือโลก น้อยกว่าเพื่อจะได้เป็นข้ออ้าง ในการเข่นฆ่าฝ่ายตรงข้าม โดยไม่ต้องพยายามหา ความมีมนุษยธรรม มาทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น หรือง่ายๆคือเอามาเป็นข้ออ้างเท่านั้นเอง
หนังเรื่องนี้ นั้นอาจจะพูดได้ว่า มันมีแนวคิดตาม ที่ระบุมาข้างต้น เกือบครบครันทุกประการ ตัวหนังบอกเล่า เรื่องราวของพล รถถังกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอยู่ในช่วงเวลา ปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งฝ่ายอเมริกา ได้รับมอบหมาย ทำให้ทำการรบกับศัตรูอย่างกองทัพนาซี แบบเต็มสูบและเป้าหมายเดียว ของพวกเขาก็คือการ ตีเข้าทัพกลาง ของเยอรมันให้ย่อยยับ และเป็นโจ๊ก ซึ่งรถถังที่เป็นยานพาหนะ สำคัญให้ทีมตัวเอกได้ใช้เดินเรื่องก็คือ รถถังเอ็ม 4 ที่ชื่อว่าฟิวรี่ แน่นอนว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของการต่อสู้ไม่ว่าทหารฝ่ายใดก็ตามก็ล้วนเหนื่อยล้าและอิดโรยจากความยาวนานของการรบราฆ่าฟัน ดังนั้นจิควิญญาณของเหล่าทหารก็เริ่มร่อยเหรอเข้าไปทุกที
รีวิว Fury การดำเนินเรื่องของหนังเรื่องนี้
หนังค่อยๆ เล่าไปเป็นขั้นๆ เข้าใจง่ายจนไม่ต้องปวดหัวในการปะติดปะต่ออะไร ได้เห็นเพียงการขับรถถังออกไปสู้รบเจอกับปืนใหญ่ ปืนกล และปืนประจำกาย ลำแสงของกระสุนที่พุ่งออกจากปลายกระบอก ยาวเป็นทาง พุ่งตรงเข้าสู่เป้าหมาย หลายครั้งที่มันก็พุ่งตรงมายังเรา เห็นแล้วเสียวแทนว่ามันจะถูกตัวละครสำคัญ หนังทำให้เราได้แง่มุมของสงครามที่คนเป็นทหารต้องเผชิญทุกเมื่อเชื่อวัน แม้จะเจ็บปวดจากการต้องฆ่าด้วยน้ำมือตัวเอง ปวดร้าวจากการที่สหายร่วมรบต้องจากไปก่อน ยังต้องพบกับปัญหาของศีลธรรมที่ขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับวิถีแห่งสงคราม
Shia LaBeouf กลายเป็นดาราสมทบที่มีบทพอประมาณและไม่ถึงกับโดดเด่นมากนัก และ ‘วันปฐพีเดือด’ มีช่วงเวลาให้หยุดพักหายใจเป็นช่วงๆ หันไปเล่าเรื่องที่เป็นด้านตรงข้ามของสครามเสียบ้าง ได้เห็นแง่มุมที่อ่อนไหวของชายผู้ใสซื่อ และได้เห็นสิ่งที่อยู่ในใจของจ่าดอนมาตลอด
กระนั้น หนังก็ยังคงบอกเล่าความโหดร้ายของสงครามได้อย่างหลากหลายมุม เรียกและกระตุ้นเร้าด้านลบให้ออกมาทำงานอีกครั้ง เราอาจสะใจที่ศัตรูฝ่ายตรงข้ามถูกสังหาร แต่อีกมุมหนึ่ง เราอาจคิดว่ามันถูกต้องหรือที่ต้องมาฆ่าฟันคนที่เราไม่รู้จัก คนที่ต่างเชื้อชาติและมีคนบอกว่านั่นคือศัตรูที่เราต้องเกลียด ‘Fury’ บอกเราว่า ความเลวและความดีล้วนมีอยู่ในมนุษย์ และวลีที่ยังความเจ็บปวดในใจมาจนถึงเวลานี้ก็คือ
เราต่างต้องการสันติภาพ แต่เรากลับใช้สงครามทำลายมัน
เหตุผลหลักๆที่คุณควรเปิดหนังเรื่องนี้ดูตอนนี้เลย ที่ ดูหนังออนไลน์4k
1.คอโหดดิบเถื่อนเลือดสาดสมองกระจุย 2.นักแสดงเล่นดีทุกคน เข้าถึงบทบาทตัวละครสุดๆ 3.แบลดพีช โคตรเท่ แต่โลแกนหล่อกว่า มองแล้วเท่กันทั้งเรื่อง 4.หนังเรื่องนี้บ่งบอกถึงสงครามอย่างแท้จริง 5.เนื้อเรื่องดี น่าติดตามทั้งเรื่อง 6.ถึงบทจะพูดเยอะ แต่ก็ไม่ง่วง พูดไประทึกไป 7.หนังแอบหดหู่ ดูสยอง เห็นคนตายเต็มไปหมด น่ากลัว 8.มีฉากไม่เหมาะกับเด็กอยู่บ้างมากพอสมควร แต่ผู้ใหญ่ดูรับรองว่าถูกใจแน่นอน 9.เรื่องนี้อาจทำให้บางคนน้ำตาไหล เศร้าจนน้ำตาแตก 10.ฉากต่อสู้มันส์มากก แสงจากปืนนี้ สีเขียวสีแดง สงครามเดือด
Fury ถือเป็นหนังสงครามเรื่องแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการใช้รถถังจริงมาเข้าฉากกว่า 60 คัน โดยรถถังหลักอย่าง “ฟิวรี่” ทีมงานก็ได้รับอนุญาตจากพิพิธภัณฑ์โบวิงตัน ให้นำรถถังรุ่น M4A2 76mm HVSS ที่ยังใช้งานได้มาถ่ายทำในหนัง และรวมถึง รถถังไทเกอร์ II อันเลื่องชื่อของกองทัพเยอรมัน ก็ได้รับอนุญาตให้ใช้โดยพิพิธภัณฑ์เช่นกัน ผู้กำกับ เดวิด เอเยอร์ ที่มีผลงานอย่าง End of Watch ก็เผยถึงความตั้งใจในการทำหนังเรื่องนี้ว่า “ผมอยากทำหนังรถถังที่ยอดเยี่ยมที่สุด ผมอยากให้มันเป็นหนังที่เมื่อใดก็ตามที่คนพูดถึงหนังสงครามที่มีรถถัง พวกเขาจะต้องนึกถึง Fury เป็นเรื่องแรก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราต้องการทำให้มันออกมาเสมือนจริงที่สุด”
ชื่อภาพยนตร์: Fury / วันปฐพีเดือด
ผู้กำกับภาพยนตร์: David Ayer
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: David Ayer
นักแสดงนำ: Brad Pitt, Shia LaBeouf, Logan Lerman, Michael Peña, Jon Bernthal
แนว/ประเภท: Action, Drama, War
ความยาว: 134 นาที
เรท: ไทย/น15+ , USA/R
สัดส่วนภาพ: 2.35 : 1
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 23 ตุลาคม 2557 รับชมที่ เว็บดูหนัง4k
หากชอบบทความ รีวิวหนัง สปอยหนังสงคราม ต่อสู้มันส์ๆ ที่เราเลือกสรรมาให้คุณโดยเฉพาะ ที่ รีวิวหนังออนไลน์