รีวิว Sand Castle
เรื่องราวของเด็กหนุ่มอเมริกันคนหนึ่งที่ลงสมัครทหารเพื่อหาเงินไปเรียนมหาลัย แต่หลังจากเหตุการณ์ 9/11 ทำให้เค้ามาอยู่ในจุดที่เค้าไม่เคยคิดว่าต้องมาคือสงครามอีกฝั่งหนึ่งของโลก ทำภารกิจที่ไม่อยากทำ รบในสงครามที่ไม่ต้องการ เริ่มมาแรกๆก็สนุก แต่พอกลางกับช่วงท้ายหนังมันเรื่อยมาก สถานการณ์มันวนลูปอะ ด้วยความที่ว่ามาจากเรื่องจริงด้วยแหละ ตอนจบก็จบแบบความเป็นจริง บางคนอาจงงว่าจบแล้วเหรอ แต่นั่นแหละ มันจบแล้วครับ สามารถรับชมได้ที่ ดูหนังออนไลน์
บอกไว้ก่อนเลยเรื่องนี้ ไม่เคยดู Trailer ไม่เคยได้ยินมาก่อน เพียงแต่วันนั้นเป็นวันที่ว่างๆแล้วเห็นโปสเตอร์ของเรื่องนี้ใน Netflix เลยกดเข้าไปดู เมื่อดูจบต้องบอกเลยว่าสนุกใช่ได้เลยแหะ ดูตั้งแต่้นจนจบไม่เบื่อเลย เรื่องนี้ไม่ใช่หนัง action เต็มตัว (ออกแนวดราม่ามากกว่า) แต่ก็มี action ตลอดทั้งเรื่องแถมทำได้ดีซะด้วยสิ และสิ่งที่อ๊าตชอบมากๆและต้องชมสำหรับหนังเรื่องนี้คือบรรยากาศของหนังนั้นทำให้เรารู้สึกว่าทุกครั้งที่มีการสู้รบ มีกระสุนบินผ่านหัว มันมีความกดดันที่รู้สึกได้จากตัวละครว่าการต่อสู้นั้นมันอันตราย น่ากลัว และไม่น่าดู การเห็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องหรือประชาชนทั่วไปตายนั้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้า การสูญเสียเพื่อน และหลายๆอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้เรารู้ว่าสงครามนั้นมันเป็นส่ิงที่โหดร้าย ซึ่งสำหรับอ๊าตหนังเรื่องนี้สื่อออกมาได้ดีมากๆ ปรบมือเลย
ตัวละครในเรื่องนี้ถือว่าค่อนข้างโอเค โดยเฉพาะ แมทท์ โอเกอร์ (ตัวเอก) แต่ตัวละครบางตัวกลับรู้สึกว่าไม่มีการพัฒนาใดๆทั้งสิ้น เรียกว่าเป็นตัวละครที่เราเห็นได้ในหนังสงครามทั่วไป ทำให้พอเวลามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเราจะไม่ค่อยมีความรู้สึกร่วมหรือแคร์อะไรกับตัวละครเหล่านั้นมากเท่าที่ควรจะเป็น คือไม่ค่อยเชื่อ ไม่อินเท่าไหร่
ความรู้สึกโดยรวมคือใช่ได้เลย ถ่ายทอดบรรยากาศของสงครามได้ดี ดูไม่เบื่อ สงครามดูสมจริง เป็นหนังที่ไม่ได้คาดหวังอะไรแต่สนุกกว่าที่คิด ตัวละครบางตัวพัฒนาได้ดีแต่บางตัวก็ดูแบนราบไหน่อย แต่สุดท้ายหนังเรื่องนี้ก็ยังทำให้อ๊าตสามารถดูจนจบได้โดยไม่เบื่อ และ บางสถานการณ์ทำให้นั่งไม่ติดได้เลยทีเดียว ถ้าใครสมัคร Netflix และ เป็นแฟนหนังสงคราม
อีกหนึ่งภาพยนตร์สงครามที่สร้างมาจากประสบการณ์จริงของ Chris Roessner นำแสดงโดยนักแสดงหนุ่มมากความสามารถอย่าง Nicholas Hoult เรื่องราวของพลทหารที่ไม่ได้เต็มใจไปสู้รบ แต่ที่ต้องเดินเข้าสู่สมรภูมิรบนั่นก็เพราะเขาต้องการทุนเพื่อไปเรียนต่อ ตัวหนังฉายภาพเรื่องราวของสงครามอิรักในช่วงต้น และภารกิจของพลทหาร ที่เมื่อมองข้ามกระสุนปืนและเขม่าควัน ก็จะพบว่าชีวิตหนึ่งนั้นที่เพียงแค่ต้องการทุนไปเรียนต่อต้องมากระเสือกกระสนดิ้นรน พยายามที่จะมีชีวิตรอดในสงครามที่ตัวเองไม่รู้อีโหน่อีเหน่ใด ๆ
แม้ใครหลายคนจะบอกเขาเลือกหนทางนี้เอง ก็คงต้องยอมรับชะตากรรมที่เลือกไว้ แต่แล้วความตายเพียงวินาทีที่กระสุนปืนเฉียดหัวนั่นคือสิ่งที่พลทหาร ผู้ซึ่งในอีกฐานะหนึ่งก็คือคนธรรมดา ต้องมาประสบพบเจอจริง ๆ หรือ? หากเพียงแค่ไม่มีสงคราม ชีวิตของเพื่อนร่วมรบและตัวเขาเอง มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำให้มาเผชิญหน้ากับสงครามที่ไม่ควรจะเกิดเสียด้วยซ้ำ
รีวิว Sand Castle เนื้อเรื่องของหนังสงครามแนวนี้
นักแสดงหนุ่มจาก “ปราสาททราย” นำเสนอการแสดงที่หลากหลาย Hoult เป็นหนึ่งในนักแสดงที่ต้องการผู้กำกับที่เข้มแข็งเพื่อดึงผลงานที่ดีที่สุดออกมา และดูเหมือนว่า ดูการ์ตูน Coimbra จะไม่สามารถทำได้ เขาแบนเกินไปและไม่น่าสนใจในฐานะตัวเอก ฉากที่น่าสนใจที่สุดของเขาคือฉากแรกของเขา เมื่อเขาตบมือไปที่ประตูฮัมวี หลังจากนั้น เราก็ไม่ได้รู้จักเขาอย่างที่เราต้องการจริงๆ ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ Marshall-Green ในฐานะทหารที่ยืดหยุ่นและมีประสบการณ์มากกว่า เขาเป็นนักแสดงหนุ่มที่น่าสนใจมาก ซึ่งฉันหวังว่าจะได้เห็นอีกในเร็วๆ นี้ สำหรับHenry Cavillครั้งแรกที่เซอร์ไพรส์ในเรื่องเสียงกึกก้องและเครา เขาแทบไม่สร้างผลกระทบเลย ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติของเขาไปแล้ว ดีกว่าในการสนับสนุนนักแสดงคือ Glen Powell
สำหรับคนนี้เพื่อลงทะเบียนเป็นสิ่งพิเศษ ในระดับการผลิต มันราบเรียบอย่างน่าประหลาดใจ ราวกับว่าเรื่องราวของมันแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะการขาดภาษาภาพได้ น่าเศร้าที่มันไม่ใช่ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับ “ปราสาททราย” คือเมื่อมันเกิดขึ้น ตัวเอกของเรื่องคือ ไพรเวท แมตต์ โอเคร ( นิโคลัส ฮอลต์ ) เกณฑ์สำรองเพื่อช่วยจ่ายค่าเล่าเรียน
ภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วข้ามไปข้างหน้าเพื่อบางครั้งหลังจากการสู้รบเมื่อทีม Ocre ถูกมอบหมายกับการซ่อมแซมระบบน้ำเสียในหมู่บ้านที่เป็นอันตรายของBaqubah พวกเขามาถึงหมู่บ้านและพบกับหน่วยรบพิเศษที่นำโดย Cpt ไซเวอร์สัน ( Henry Cavill ) ไซเวอร์สันแนะนำให้พวกเขารู้จักกับล่ามและอธิบายว่าพวกเขาจะต้องเดินทางไปที่สถานีสูบน้ำและเติมน้ำให้เต็มถังเพื่อนำกลับไปที่หมู่บ้านทุกวัน ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก ที่สถานีวิศวกรของกองทัพบกการทำงานในปั๊มอธิบายว่าต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการซ่อมแซมให้เสร็จ แต่การซ่อมแซมจะเร็วขึ้นมากหากฮาร์เปอร์สามารถจ้างชาวบ้านมาช่วยได้ กลับมาที่หมู่บ้านพวกเขาแจ้งชาวบ้านว่าจะจ่ายเงินให้ใครก็ตามที่มาทำงานในเช้าวันรุ่งขึ้น
รีวิวหนังบู้ อย่างไรก็ตามเมื่อรุ่งเช้าไม่มีใครอยู่ที่นั่นตามเวลาที่พวกเขาพร้อมจะจากไป พวกเขาจึงถูกบังคับให้ช่วยวิศวกรด้วยตนเอง ในระหว่างการเดินทางกลับครั้งหนึ่งมีการพบเห็นยานพาหนะขึ้นมาด้านหลังด้วยความเร็วสูง พวกเขาหยุดรถและสอบปากคำคนขับ แต่ทราบว่าเขากำลังพาลูกสาวตัวน้อยไปหมู่บ้านอื่นเพื่อหายา ในระหว่างการเดินทางอีกครั้งพวกเขาถูกโจมตีโดยผู้ก่อความไม่สงบหลายคนด้วยอาวุธขนาดเล็กที่ยิงรูในรถถัง ในวันรุ่งขึ้นขณะที่ลุยน้ำเสียงปืนแตก
ในที่สุดหลังจากได้รับความช่วยเหลือจาก Kadeer ผู้ดูแลโรงเรียนในพื้นที่ (รับบทโดยNavid Negahban ) ซึ่งต้องการน้ำเพื่อให้โรงเรียนเปิดทำการพวกเขาก็เริ่มมีความก้าวหน้าที่ดีขึ้นในสถานี เช้าวันหนึ่งไม่มีชาวอิรักคนใดมาทำงานและทีมกลับไปที่หมู่บ้านซึ่งพวกเขาพบว่าศพของผู้ดูแลระบบถูกเผาและถูกมัดติดกับเสาเข็มในสนามโรงเรียน Arif ( Nabil Elouahabi ) พี่ชายของผู้ดูแลระบบบอก Syverson ว่าพวกก่อการร้ายนัดพบกันที่ไหน มีการวางแผนอย่างรวดเร็วเพื่อโจมตีพวกเขาในคืนนั้น การโจมตีประสบความสำเร็จฆ่าศัตรูหลายคนและยึดได้มากขึ้น แต่ Cpl Enzo ( Neil Brown Jr. ) และ Sgt. เบอร์ตัน ( Beau Knapp) ต่างได้รับบาดเจ็บและจำเป็นต้องอพยพโดยเฮลิคอปเตอร์ ในที่สุดงานในสถานีสูบน้ำก็กลับมาทำงานต่อโดย Arif นำลูกเรือคนงานในพื้นที่เข้ามา อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานสถานีสูบน้ำก็โดนอุปกรณ์ระเบิดกลอนสดที่คนงานคนหนึ่งนำมาทิ้งในระเบิดฆ่าตัวตายทำลายงานทั้งหมดของกลุ่มและสังหารชาวอเมริกันและชาวอิรักหลายคน
เกร็ดเล็กน้อยน่ารู้ของหนังเรื่องนี้
สำหรับใครที่คิดถึงพระเอกหนุ่ม นิโคลัส ฮอลท์ แล้วละก็ วันนี้เรามีข่าวดีสำหรับแฟน ๆ มาฝากกันแล้ว โดยเขากำลังจะมีผลงานใหม่ให้ได้ชมกันในหนังแนวสงครามเรื่อง Sand Castle ที่สร้างจากประสบการณ์จริงของผู้เขียนบท คริส โรเอสเนอร์
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2014 เว็บไซต์ Hollywood Reporter รายงานว่า นักแสดงจาก The X-Men : First Class นิโคลัส ฮอลท์ (Nicholas Hoult) ถูกทาบทามให้มาร่วมแสดงใน Sand Castle หนังที่สร้างจากเรื่องจริง โดยผู้สร้าง มาร์ค กอร์ดอน (Mark Gordon) และผู้กำกับ เซบาสเตียน ไรซ์-เอ็ดเวิร์ดส (Sebastian Rice-Edwards) รีวิวหนังสงคราม
Sand Castle เป็นเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นโดย คริส โรเอสเนอร์ (Chris Roessner) ซึ่งบทหนังเรื่องนี้เคยติดโผแบล็กลิสต์บทหนังดีที่ยังไม่ถูกสร้างประจำปี 2012 ด้วย กอร์ดอนจึงเริ่มหยิบโปรเจคท์นี้ขึ้นมาเริ่มทำ โดยเป็นเรื่องราวชีวิตจริงของคริส โรเอสเนอร์ เมื่อเขาต้องรบกว่า 200 ภารกิจตอนเป็นพลทหารปืนกลแถบสามเหลี่ยมซุนนีย์ในอิรัก แต่เรื่องราวจะเน้นไปที่ แมท อ็อค (นิโคลัส ฮอลท์) และผู้นำกองทหารของเขาสิบโทเบเกอร์ ที่ร่วมมือกันปกป้องหมู่บ้านกสิกรรมที่ตกอยู่ในอันตราย
เมื่อไม่นานมานี้ นิโคลัส ฮอลท์ เพิ่งจะมีผลงานแสดงใน Warm Bodies (2013) และกำลังจะได้เห็นเขาโลดแล่นบนจอเงินอีกครั้งใน X-Men Days of Future Past (2014) นอกจากนี้เขายังได้ร่วมแสดง ในหนังอินดี้ Kill Your Friends (2014), Autobahn (2014) ร่วมกับ แอนโทนี ฮ็อปกินส์ (Anthony Hopkins) และประกบคู่ คริสเท็น สจ๊วต (Kristen Stewart) ใน Equals (2014) ส่วนผู้กำกับเซบาสเตียน ไรซ์-เอ็ดเวิร์ดส ตอนอายุ 8 ขวบ เขาเคยแสดงใน Hope & Glory ของผู้กำกับ จอห์น บูร์แมน (John Boorman) ที่เริ่มสร้างชื่อเสียงให้กับเขา รวมทั้งเขาเคยเป็นผู้กำกับใน Friday หนังที่มีรายชื่อเข้าขิงรางวัล British Independent Film Award อีกด้วย
ทว่า Mark Gordon Company ไม่ใช่บริษัทหน้าใหม่ในการสร้างหนังแนว สงคราม เพราะเคยฝากผลงานให้เห็นกันใน The Messenger (2009) และ Saving Private Ryan (1998) รวมถึงทีวีซีรีส์เรื่อง Army Wives มาแล้ว