รีวิวหนัง SICARIO
มาถึงภาค 2 ของหนังแอ็คชั่น-ทริลเลอร์ ที่เล่าบรรยากาศระอุระหว่างเจ้าพ่อค้ายาเม็กซิโกและกองกำลังของอเมริกาบนชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ รอบนี้เดนนิส วิลล์เลอเนิฟ ผู้กำกับมือดีที่อยู่ในช่วงขาขึ้นไม่สามารถกลับมากำกับภาคต่อได้ เพราะต้องกำกับ Arrival และต่อด้วย Blade Runner 2049 และเจ้าของหนังก็ไม่รอด้วย เลยส่งไม้ต่อให้ สเตฟาโน ซอลลิมา ผู้กำกับหน้าใหม่ในฮอลลีวู้ด แต่เป็นมือเก๋าจากอิตาลี
แต่เจ้าของเรื่องก็ยังคงเป็น เทย์เลอร์ เชอริแดน ที่ถนัดมากกับการเล่าเรื่องราวอาชญากรรมระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะเท็กซัส และรอบนี้ก็กล้าที่จะเล่าความร้ายกาจของกลาโหมอเมริกันที่ใช้แม้กระทั่งวิธีสกปรกในการขจัดปัญหาแมงเม่าแมงหวี่กวนใจตามชายแดน ดูเผิน ๆ แล้วเหมือนว่าอาชญากรเม็กซิกันเป็นตัวร้ายของเรื่อง แต่ถ้าสังเกตแล้วตัวร้ายจริง ๆ ของเรื่องก็คือกลาโหมอเมริกานี่แหละที่สั่งการมาจากเบื้องบนโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม โดยที่ตัวเองอยู่ในภาพพจน์ที่ขาวสะอาดอยู่เสมอแล้วให้เหล่าทหารรับจ้างทำงานมือเปื้อนเลือดแทน
ดูเรื่องราวของ FBI สาวที่ถูกนำตัวมาเข้าร่วมทีมพิเศษเฉพาะกิจ CIA นำทีมโดยแม็ต เกรเวอร์และอเล ฮานโดร โดยภารกิจนี้พวกเค้าจะต้องเดินข้ามแดนไปทลายแก๊งยาเสพติดที่แม็กซิโก แต่ในขณะที่ทำภารกิจนั้นกลับพบว่าภารกิจดังกล่าวเป็นการเกิดขึ้นภายใต้การควบคุมขององค์กรที่ถูกต้องตามกฏหมาย แล้ว FBI สาวก็กลายเป็นแค่หนึ่งในเครื่องมือขององค์กรเท่านั้น
เรื่องราวของตำรวจหญิง เคท เมเซอร์ เธอเข้าร่วม ภารกิจแกะรอยพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ของเม็กซิโกที่สุดแสนอันตราย ร่วมทีมกับทหารรับจ้างหนุ่ม อเลฮานโดร ภารกิจครั้งนี้นอกจากเธอจะต้องเผชิญหน้ากับความเป็นตายแล้ว เธอยังถูกทดสอบทางจริยธรรมและศีลธรรมจนไม่สามารถหันหลังกลับได้อีกต่อไป นี่คือภาพยนตร์ที่จะพาทุกคนร่วมจมดิ่งลุ้นระทึกไปกับภารกิจสุดอันตรายจนแทบหยุดหายใจ
สำหรับ Sicario คือภาพยนตร์แอ็คชั่นทริลเลอร์อาชญากรรมที่เนื้อหาค่อนข้างมันส์สะใจ เนื้อหาไม่ได้แรงแค่ฉากแอ็คชั่น แต่ยังเล่าให้เห็นโลกที่เต็มไปด้วยความไม่ชอบมาพากล ทั้งคนในองค์กรตัวเอง คนร้าย เราไว้ใจอะไรใครไม่ได้เลย หนังหยิบความเลวร้ายมาเล่าได้เห็นถึงภัยมืดทุกรูปแบบ สายหนังที่ชอบเนื้อหาแรงๆโลกไม่สวยจะชื่นชอบหนังเรื่องนี้แบบที่พระเอก James Bond คนล่าสุด Daniel Craig ประทับใจงานชิ้นนี้มาก
เห็นได้ชัดว่าผู้กำกับสเตฟาโน พยายามที่จะสานต่อบรรยากาศและอารมณ์หนังให้ครึ้ม หม่น ตามสไตล์ที่วิลล์เลอเนิฟวางไว้ในภาคแรก ซึ่งถ้ามองเผิน ๆ ก็อาจจะกลมกลืน แต่ถ้าเปรียบกันชัด ๆ แล้ว Sicario: Day of the Soldado น่าจะถูกใจคนดูในตลาดวงกว้าง โดยเฉพาะคอแอ็คชั่นมากกว่าภาคแรก โดยเนื้อหาที่เน้นแอ็คชั่นในแบบโฉ่งฉ่าง ฉากรบจัดหนักและมาถี่ สาดกระสุนว่อน ระเบิดตูมตาม จ่อกบาลยิงกันเลือดท่วมจอ แต่ถ้าคนดูที่ชื่นชมในสไตล์กำกับของวิลเลอเนิฟในภาคแรกอาจจะรู้สึกขัดใจอยู่บ้าง อาจจะด้วยสไตล์กำกับที่แตกต่างกัน และด้วยเนื้อหาของหนังที่ไปกันคนละทิศทางกับภาคแรก ที่มีเอมิลี่ บลันต์ เป็นตัวละครนำและทำหน้าที่แทนสายตาคนดูพาเราไปรู้จักโลกอันโหดร้ายบนชายแดนเม็กซิโกที่อยู่ใต้เงามืดของเจ้าพ่อค้ายา
โลกของ Sicario เป็นสีเทาเข้ม เกือบจะเป็นสีดำอยู่แล้ว ดูหนัง ภายใต้อำนาจของเจ้าหน้าที่ทีมียศใหญ่โตมาพร้อมกับอำนาจและการทุจริต การช่วงชิงอำนาจของสองฝ่ายที่มาในคราบของ FBI และผู้ทรงอิทธิพล ซึ่งม้นกำลังสะท้อนให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสขององค์กรเหล่านี้ ที่มันมักจะมี เกลือเป็นหนอนอยู่เสมอ หนังพาเราไปดูต้นตอของปรัญหายาบ้ายาเสพติด เห็นถึงความเลวร้ายในสังคมเม็กซิกันที่ป่าเถื่อน ไม่มีศีลธรรมเลยสักนิด
พอมาถึงภาคนี้ เอมิลี่ บลันต์ ไม่กลับมา ก็เหลือแต่เพียง จอช โบรลิน ในบท แมตต์ เกรเวอร์ ทหารรับจ้างมากประสบการณ์ แล้วก็ดันบทอเลฮานโดรของ เบนิซิโอ เดลโตโร ให้ขึ้นมาเป็นบทเด่นเคียงคู่กับแมตต์ เกรเวอร์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตัวละครเก่าจากภาคแรก ก็เลยไม่ต้องเสียเวลาแนะนำตัวละครกันอีกต่อไป มาถึงก็เดินหน้าได้เลย หนังวางเรื่องให้แมตต์ รับงานใหม่จากกลาโหมอเมริกันให้ปิดฉากแก๊งค้ายาเม็กซิกัน ที่นับวันจะเพิ่มปัญหาให้กับชายแดนเท็กซัส เป็นการทำงานใต้ดินที่รัฐบาลไม่ขอออกหน้า แมตต์จึงต้องใช้ทีมทหารรับจ้างล้วน ๆ ด้วยการวางแผนจับตัว อิซาเบล เรเยส ลูกสาววัย 16 ของคาร์ลอส เรเยส เจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ และอ้างตัวว่าเป็นแก๊งตรงกันข้าม เพื่อเสี้ยมให้ 2 แก๊งตีกันเอง
รีวิวหนัง SICARIO เรื่องราวภายในเรื่องดำเนินอย่างไร
แล้วเรื่องราวจากนั้นก็กลายเป็นปมเคร่งเครียดอย่างที่เราเห็นในตัวอย่างหนัง เมื่อรัฐบาลสั่งให้ฆ่าปิดปาก อิซาเบล เรเยส แต่เธออยู่ในการคุ้มครองของอเลฮานโดร ที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งรัฐบาล เป็นผลให้ แมตต์ จำต้องจัดทีมที่เหลือตามเก็บทั้งอเลฮานโดร และ อิซาเบล เสีย จากนี้ค่อยไปตามดูกันนะว่าศึกระหว่าง 2 ทหารรับจ้างผู้คร่ำหวอดจะลงเอยอย่างไร ติดตามรับชมได้ที่ ดูหนังออนไลน์
นอกจากประเด็นยาเสพติดแล้วหนังยังพาเราไปดูถึงความไม่เท่าเทียมเพศชายและหญิง ตัวละครตำรวจหญิงเป็นตำรวจแท้ๆกลับโดนกดขี่ขมเหงจากผู้ชาย ทั้งการเป็นเหยื่อให้กับคนร้าย แถมยังเจอคนที่มาล่าตระเวณด้วยกันเอง กดขี่อีก หนังเลยไม่มีความเท่าเทียม โดยเฉพาะตัวละครนักฆ่ารับจ้างที่ถูกทางการจ้างมา ทำตัวกดขี่อย่างชัดเจน และมองว่าผู้หญิงคือเพศที่อ่อนแอเป็นภาระให้กับการทำงานทำภารกิจของพวกเขา
หนังเล่าเรื่องได้เยี่ยมได้เห็นการล่าตระเวณที่เหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ การสร้างเนื้อหานอกจากมีความเป็นหนังทริลเลอร์แล้ว ภาพการเล่าเรื่องยังแสนหดหู่ ได้เห็นโลกที่เต็มไปด้วยรอยร้าวบาดแผลที่โสโครกจริงๆ ชื่นชมการลำดับภาพที่ตีแพร่จุดนี้ออกมาได้แบบถึงพริกถึงขิง แถมหนังยังไม่ได้ชี้นำว่าตัวละครไหนถูกหรือผิด เพราะทุกคนมีแนวคิดเส้นทางแบบฉบับตัวเอง ตัำรวจหญิงที่ได้รู้ว่าโลกตำรวจแท้จริงแล้วมันสกปรก ซีไอเอที่ฉลาดต่อรองคนร้ายสาวไส้ตัวการค้ายาบ้า หรือทหารรับจ้างที่ทำงานเพื่อความอยู่รอดแลกกับอิสรภาพแก้แค้นแทนลูกเมียตัวเอง
สิ่งที่ขาดหายไปคือเสน่ห์ในลายเซ็นของเดนนิส วิลล์เลอเนิฟ ที่แม้จะไปแบบช้า ๆ หม่น ๆ ครอบคลุมไปด้วยบรรยากาศลึกลับหนัก ๆ แต่ก็ยังถ่ายทอดให้เห็นความโหดดิบของโลกอาชญากรเม็กซิกัน สิ่งที่ทดแทนมาในภาคนี้คืองานแอ็คชั่นที่อัดมาแน่นในสเกลที่ใหญ่ขึ้น กระสุดสาดกันว่อน จรวดอาร์พีจี ระเบิดมือ และเครื่องแบล็คฮอว์คที่เป็นพระเอกในหลายฉาก รีวิวหนังบู้ กลายเป็นหนังแอ็คชั่นบนสนามรบที่ทำได้ดุ มันส์ และเข้าใจง่ายกว่างานในแบบของวิลล์เลอเนิฟแน่นอน แล้วก็ตรงคอนเซ็ปต์กับชื่อของภาคนี้ Day Of Soldado ที่แปลว่า “วันของทหารหาญ” ก็เลยเน้นปฏิบัติการของทหารเป็นหลัก ไม่เห็นเงาของเจ้าพ่อค้ายาเลย แต่เส้นเรื่องที่เดินขนานกันไปในภาคนี้คือ ขบวนลักลอบการพาคนเม็กซิกันเข้าอเมริกา ที่เล่าสลับกันไปตลอดเรื่องและเส้นเรื่องมาบรรจบกันท้ายเรื่องกลายเป็นไคลแมกซ์ที่ตึงเครียด
แม้หลาย ๆ ฉากเราเห็นกันมาแล้วในตัวอย่างหนัง แต่พออยู่ในหนังจริงก็ทำได้ชวนลุ้นระทึกดี โดยเฉพาะฉากขบวนรถหุ้มเกราะทำหน้าที่ขนย้ายอิซาเบล เรเยส เข้าสู่เม็กซิโก ต้องระแวดระวังแก๊งตรงข้ามมาชิงตัว เป็นฉากยาวที่ดูไปก็ต้องลุ้นไปว่าจะโดนโจมตีหรือไม่ตอนไหน ดนตรีประกอบฝีมือของ Hildur Guðnadóttir (ขอไม่เขียนชื่อไทยนะ อ่านยากมาก) ก็ช่วยได้มาก กับการปูอารมณ์เข้าแต่ละช่วงฉากแอ็คชั่น ฮิลเดอร์ เป็นนักทำดนตรีประกอบมือใหม่เลื่อนขั้นมาจากทีมทำดนตรีที่เคยทำงานให้กับผลงานทุกเรื่องก่อนหน้าของ เดนนิส วิลล์เลอเนิฟ
จากมุมมองทั่วโลก นักวิจารณ์มีความเห็นอย่างไร
เริ่มต้นเรื่องมา หนังก็สาดใส่อารมณ์เครียดขึ้งให้กับคนดูแล้ว ด้วยฉากบุกเข้าช่วยตัวประกันแต่กลับพบเรื่องน่าสลดยิ่งกว่า อาการโอ้กอ้ากของคู่หูเอฟบีไอทำให้รู้ว่าพวกเขาไม่ได้จัดเจนเรื่องพวกนี้มากนัก และเธอยังไม่ได้เจอมาหนักมากพอจะรับมือกับเรื่องพวกนี้แบบไม่สะทกสะท้านหวั่นไหว แต่แล้วชีวิตของเธอกลับหันเหไป เพียงเพราะตกปากรับคำอาสาเข้าไปช่วยสืบค้นหาตัวเอ้ขององค์กรค้ายาเสพติดตามตะเข็บชายแดนเม็กซิโก-อเมริกา ที่นั่นแหละที่เธอทั้งต้องสืบหาความจริงที่ถูกปิดบังเอาไว้
นด้านการแสดง ก็คงต้องยอมรับว่า เอมิลี่ บลันท์ ทำได้อย่างสุดยอด เธอแสดงให้เห็นถึงความไม่ประสากับการตามล่าอาชญากรแบบถึงพริกถึงขิงเช่นนี้ เธอทำใจยอมรับมันได้ยากมาก เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เธอเคยเรียนรู้หรือเคยทำงานมาเลยสักนิด ทุกอย่างแสดงออกมาทางสีหน้าแววตา ผู้หญิงคนนี้ทำได้ดีจริงๆ
ชื่อภาพยนตร์: Sicario / ทีมพิฆาตทะลุแดนเดือด
ผู้กำกับภาพยนตร์: Denis Villeneuve
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Taylor Sheridan
นักแสดงนำ: Emily Blunt, Josh Brolin, Benicio Del Toro, Victor Garber, Jon Bernthal, Daniel Kaluuya
ความยาว: 121 นาที
แนว/ประเภท: Action, Crime, Drama, Mystery, Thriller
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/น15+, MPAA/R
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 8 ตุลาคม 2558
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Black Label Media, Thunder Road Pictures