รีวิวหนัง The Covenant บุกตะลุยไปช่วยเพื่อน

รีวิวหนัง The Covenant มันอาจจะไม่ใช่หนังเรื่องแรกที่เอาเหตุการณ์ความไม่สงบใน อัฟกานิสถาน มาสร้างเป็นภาพยนต์ มาครั้งนี้หนังthe covenant ซับไทย ก็ได้เลือกเรื่องราวเกี่ยวกับทหารสหรัฐอเมริกา ที่ต้องไปต่อสู้กับกลุ่มตาลีบัน เพื่อที่เขาจะได้ไปช่วยเหลือเพื่อนของเรา งานนี้ดูหนัง the covenant 2023 พากย์ไทย แล้วรับรองไม่ผิดหวังแน่นอน ฉากแอ๊คชั่นที่บ้าระห่ำ แต่เขาจะสามารถช่วนเพื่อนได้หรือไม่ต้องไปลุ้นกันใน ดูหนังออนไลน์ กันเอาเองนะครับ

The Covenant ปลอมตัว

ไม่ผิดหวังแน่นอน

อันที่จริงผมไม่ได้เป็นคนที่ชอบดูหนังสงคราม แต่ครั้งนี้อดใจไม่ไหวจริง แต่พอมาดูหนังthe covenant พากย์ไทย 037 ผมรู้สึกชอบขึ้นมาทันที อาจจะเป็นเพราะพล๊อตเรื่องมันน่าสนใจ ดูตัวอย่างแล้วพบว่าอยากดูหนังเต็ม หนังที่มีคำแปลว่า ข้อตกลงร่วมกัน พันธะผูกพัน นี่มันจะเล่าเรื่องยังไง การที่คนหนึ่งคน จะลุยเดี่ยวเข้าไปเพื่อช่วยอีกคนที่เขารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ ให้รอดกลับออกมา นั่นแหละ คือหนังเรื่องนี้

ถ้าจะพูดถึงผู้กำกับคนนี้ที่ชื่อว่า กาย ริทชี่ ผมก็ยังนึกผลงานของเขาที่โดเด่นอย่าง เชอร์ล็อก โฮมส์ ไม่รู้เพราะอะไรทั้งตัวเขาเองสร้างผลงานดีมาหลายเรื่องแล้ว เขาคือคนเขียนบทและกำกับหนังอย่าง Snatch, Lock, Stock and Two Smoking Barrels , RocknRolla และ The Man from U.N.C.L.E. หรืองานล่าๆ ของเขาอย่าง The Gentlemen และ Aladdin ก็ถือว่าไม่เลวเช่นกัน อาจเป็นเพราะงานของเขาไม่ได้โดดเด่นจนประทับอยู่ในใจผู้คนมากพอ

The Covenant สนุก

หนังเรื่องนนี้เองก็ยังคงเน้นเรื่องราวหลังบุกอัฟกานิสถานเพื่อที่พวกสหรัฐจะบุกไปล่าพวกตาลีบันหลังโศกนาถกรรม 911 โดยมี จ่าจอห์น คินลีย์ เป็นผู้บังคับบัญชา หลังจากล่ามแปลภาษาคนก่อนตายจากระเบิดแสวงเครื่อง อาเหม็ด ล่ามคนใหม่จึงถูกจ้างมาเพื่อบุกค้นหาและทำลายแหล่งผลิตระเบิดแสวงเครื่องของตะลีบัน งานนี้ติดตามกันต่อได้ที่ รีวิวหนังสงคราม

รีวิวหนัง The Covenant เรื่องย่อการบุกตาลีบัน

ครั้งนี้หนังthe covenant 2023 เรื่องย่อ ยังคงเลือกที่จะเล่าเหตุการณที่เกิดขึ้นหลังการสูญเสียในวันที่ 11 กันยา สหรัฐฯ ตอบโต้ด้วยการส่งทหารลงไปในพื้นที่ตาลีบัน หนึ่งในนั้นคือ สิบเอก จอห์น คินลีย์ ที่มีหน้าที่สืบหาแหล่งสะสมอาวุธและทำลาย เขากำลังมองหาล่ามคนใหม่เพื่อไปแทนคนเก่าที่เสียไป

แล้วเขาก็ได้เลือกชายที่ชื่อว่า อาห์เหม็ด แม้จะรู้ว่าชายอัฟกันคนนี้เป็นคนหัวหวแข็งไม่ค่อยฟังใคร เป็นการยากที่จะควบคุมเขา ก่อนที่ภารกิจที่เต็มไปด้วยอันตราย จะพาพวกเขาให้ต้องเผชิญชะตากรรมร่วมกัน และกลายเป็นเขารอดตายได้เพราะล่ามแปลภาษาคนนี้ แต่ก็ทำให้จอห์นรู้ตัวว่า เขาต้องกลับไปเพื่อช่วยล่ามคนนั้นออกมา ก่อนจะไม่เหลือลมหายใจให้ช่วยเหลือ

The Covenant พระเอก

ภารกิจครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่แล้วเหตุการณ์อันแสนเลวร้ายก็เกิดขึ้นเมื่อ จอห์น คินลีย์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และด้วยความมีมนุษยธรรม อาเหม็ดจึงสร้างเปลแล้วเข็นร่างจอห์นผ่านหุบเขานับร้อยกิโลเพื่อส่งนายทหารอเมริกันกลับบ้าน แต่หลังเหตุการณ์ผ่านไปร่วมเดือนจอห์นจำเป็นต้องทำทุกทางเพื่อช่วยกลับไปช่วยเหลืออาเหม็ดที่อัฟกานิสถานแม้มันจะหมายถึงการที่เขาเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงอันตรายอีกครั้งก็ตาม ถ้าชอบผมแนะนำไปดู Sisyphus ก็สนุกเหมือนกัน

ภารกิจของทหารสหรัฐ

ในความคิดของใครหลายคนคงคิดว่าหนังของGuy Ritchie มีความตลกกวนๆ ฉากเปิดตัวแบบเท่ๆ สโลโมชั่นแจ่มๆ หรือต้องหักเหลี่ยมเฉือนคม แต่ไม่ใช่สำหรับหนังเรื่องนี้ ที่แทบจะเหมือนหนังสงครามจากเรื่องราวจริงเลยด้วยซ้ำ นี่มันเป็นหนังแนวแอคชัน ผสมทริลเลอร์ และอาจจะรวมดราม่าเข้าไปด้วยซ้ำ หนังจึงดูเคร่งขรึมจริงจังแต่ก็มีมุกเล็กๆ แทรกเข้ามานิดหน่อย

มันคือภารกิจของทหารชาวอเมริกันที่ปฏิบัติภารกิจอยู่กลางแผ่นดินอัฟกัน พวกเขาคือคนขาวที่เป็นคนนอก ไม่เป็นที่ยอมรับของคนพื้นที่ และถือเป็นคนนอกศาสนา และแน่นอนว่า การที่คนในพื้นที่เลือกมาเป็นล่ามให้กับชาวอเมริกัน ย่อมถูกมองอย่างดูหมิ่น แต่สำหรับ อาห์เหม็ด ตัวเอกของเรื่อง เขามีเหตุผลที่ทำให้เกลียดตาลีบัน ซึ่งนั่นทำให้เขาทำงานร่วมกับทหารเมกันเหมือนแกงที่เคี่ยวจนเข้าเนื้อมากกว่าคนอื่น

ในความรู้สึกของผมนั้น หนังเรื่องThe Covenant 2023 IMDbก็ดูไม่ได้เร่งรีบจะเล่าให้เดินเรื่องฉับไวอะไรขนาดนั้น แต่กลับให้เวลาเล่าถึงสิ่งที่ตัวละคร 2 ตัวต้องใช้ร่วมกัน เพื่อบอกเล่าความหนักแน่นที่จะเกิดขึ้นภายหลัง หนังใช้ทัศนียภาพในแถบสเปนที่ถ่ายทำออกมาให้เหมือนกับเป็นอัฟกานิสถาน ผ่านมุมกล้องสวยๆ และบางจุดก็ใช้แฮนด์เฮลด์ที่ชวนให้รู้สึกสมจริงเข้าไปอีก เสริมด้วยเสียงสกอร์ที่ชวนรู้สึกอึดอัดแกมลุ้นระทึก

หนังอวยทหารสหรัฐซะมากกว่า

เมื่อดูหนังThe Covenant Pantip ไปสักพัก คุณคงรู้สึกเหมือนผมแน่ มันเหมือนเป็นหนังอวยสหรัฐมากไปหน่อย กับการที่ทหารอเมริกันที่รู้สึกสงสารเพื่อมนุษย์ด้วยกันถึงเขาไม่ใช่คนขาว ถึงขั้นลุยเดี่ยวเข้าไปช่วยออกมาด้วยตนเอง แม้รู้ตัวว่ามีโอกาสตายได้ก็ตาม แต่ด้วยความที่หนังสร้างความรู้สึกเอาใจช่วยให้เกิดขึ้นในใจผู้ชมได้ มุ่งเน้นเรื่องของมิตรภาพระหว่างคนสองคนที่ไม่ได้สนใจเรื่องเชื้อชาติ

บอกเล่าถึงความรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณที่ต้องตอบแทนเพื่อปลดเปลื้องความหนักอึ้งในใจ จึงทำให้แง่มุมพวกนั้นมันเบาบางลงไป ส่วนหนึ่งของหนัง พยายามจะแทรกเล่าถึงความไม่เอาไหนในการทำงานของรัฐ จนเป็นสาเหตุใดหนึ่งทหารอเมริกันต้องลุยเดี่ยวซะเอง ก็พอจะบอกได้ว่า หนังไม่ได้เน้นจะอวยแต่เพียงถ่ายเดียว

ศึกครั้งนี้มีการเข้าปะทะกันอยู่หลายครั้งตามจุดต่างๆ ยิงกันเป็นระยะ เอาคนดูต้องคอยเอาใจช่วยว่าพระเอกของเราจะเอาตัวรอดไปได้หรือไม่ เจค จิลเลนฮาล และ ดาร์ ซาลิม มันเสริมให้เรื่องราวที่เป็นเรื่องเล่านี้ดูสมจริงได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้กระทั่งตอนจบ เรายังสงสัยอยู่เลยว่า นี่เรื่องจริงหรือแต่งกันแน่

ขับเคลื่อด้วยฉากแอ๊คชั่นดุเดือด

อย่างที่ผมได้บอกไว้ตัวหนังThe Covenant – rotten tomatoesได้เลือกที่จะใช้ทีมเขียนบทหนังที่เคยเขียนเรื่องOperation Fortune ทั้ง ไอวาน แอตคินสัน, มาร์น เดวีส์ ที่มาเขียนบทร่วมกับ กาย ริตชี เอง แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดสำหรับหนังเรื่องนี้คือแม้มันจะไม่ได้เป็นหนังมาจากเรื่องจริงแต่กลับหยิบประเด็นที่น่าสนใจอย่างล่ามแปลภาษาในสงครามต่างแดนที่มักถูกดันไปเป็นตัวประกอบในหนังสงคราม ให้มีความสำคัญและเป็นภารกิจที่ตัวละครเอกอย่าง จ่าจอห์น คินลีย์ ต้องไปปฏิบัติภารกิจระห่ำตอนท้ายเรื่อง

ถ้าท่านผู้ชมคิดว่าจะมีปมดราม่าเกี่ยวกับทหารสหรัฐหรือภารกิจครั้งนี้ ผมบอกเลยว่าไม่มีแน่นอนกับหนังชื่อGuy Ritchie’s The Covenantเพราะตลอดเวลาร่วม 2 ชั่วโมงหนังถูกขับเคลื่อนด้วยความเป็นหนังแอ็กชัน ทริลเลอร์เต็มสูบแบบแทบไม่ได้หายใจหายคอ โดยสอดแทรกมุกตลกเบา ๆ ผิดวิสัยกาย ริตชีเต็มไปหมด

ครั้งนี้หนังเลือกที่จะมุ่งไปทางการเมืงที่วุ่นวายมากกว่าไปสำรวจวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นชาวไอริช หรือแม้จะทำหนังเกี่ยวกับวรรณกรรมปรับปรุงใหม่ให้มันบ้าคลั่ง แต่กับGuy Ritchie’s The Covenantมันกลับมีแมสเซจด้านการเมืองชัดเจนตรงไปตรงมาโดยเฉพาะตอนจบที่พูดถึงชะตากรรมอันน่าเศร้าของบรรดาล่ามแปลภาษาหลังอเมริกาถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน

เสนอปมดราม่าผ่านงานภาพใน The Covenant

ด้วยที่ว่าดูหนังthe covenant 2006 พากย์ไทยมันถูกส่งเสริมไปด้วยกลิ่นอายของสงคราม จุดดราม่ามันจึงค่อยเผยออกมา ตั้งแต่ความกลัวในแววตาของจ่าจอห์น คินส์ลีย์ ที่ เจก จิลเลนฮาล แสดงไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมหรือความกล้าหาญและเมตตาธรรมของอาเหม็ดที่ถูกถ่ายทอดได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าชื่นชมของดาร์ ซาลิม

สิ่งที่มันทำให้ดราม่าออกมาได้เด่นชัดขึ้นนั้นคงเป็นเพราะผลงานภาพจาก เอ็ด ไวลด์ ที่ใช้ภาพมุมเงยมาแทนสายตาของ จ่าจอห์น คินส์ลีย์ ตอนนอนอยู่บนเปลที่ถูกเอามาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในฉากสำคัญของหนัง หรือความดีงามมาก ๆ อย่างหนึ่งในฐานะคนที่ต้องชมภาพยนตร์จากแถวที่ 3 ของหน้าจออย่างผมในรอบสื่อคือการออกแบบภาพของมันดันสอดรับกับการชมในระยะใกล้จอมาก ๆ ส่งผลต่ออารมณ์ในการรับชมได้ดีทีเดียว

แต่ถ้าจะพูดถึงข้อเสียของหนังเรื่องนี้คงจะเป็นการตัดสินใจของ จอห์น คินส์ลีย์ ที่ใช้ฝันร้ายและหนี้ชีวิตมาขับเคลื่อนตัดสินใจ แม้เราจะได้ฉากเข็นเปลสุดทรหดอาเหม็ดมาช่วยก็ตาม หรือกระทั่งเรื่องราวในองก์ 2-3 ที่ดูจะสั้นจนผิดปกติ แถมอุปสรรคใด ๆ อาจจะยังไม่เข้มข้นเท่าเรื่องราวในองก์แรกของหนัง แต่เอาเถอะเมื่อเทียบกับประสบการณ์เหงื่อซึมมือลุ้นจนมือจิกเบาะทั้งเรื่องแล้ว Guy Ritchie’s The Covenantก็ยังเป็นหนังที่ควรค่าแก่การชมในโรงภาพยนตร์อยู่ดีครับ

ชื่อภาพยนตร์ Guy Ritchie’s the Covenant / เดอะ โคเวแนนท์
กำกับ Guy Ritchie
เขียนบท Ivan Atkinson, Marn Davies, Guy Ritchie
แสดงนำ Jake Gyllenhaal, Dar Salim, Sean Sagar
แนว/ประเภท แอ็คชัน, ระทึกขวัญ
เรท R
ความยาว 123 นาที
ปี 2023
สัญชาติ สหรัฐอเมริกา
เข้าฉายในไทย 20 เมษายน 2023
ผลิต/จัดจำหน่าย Fresco Film Services, STX Films, Toff Guy Films, T&B Media Global